เช็กพิกัด"คูเลต"อยู่ในเขตแดนไทย พิสูจน์เกม"ชินวัตร-ตระกูลฮุน"

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีความตึงเครียดมาพักใหญ่ ภายใต้การติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดในระดับรัฐบาล ผ่านการรายงานของกองทัพบกอย่างต่อเนื่อง

ความเคลื่อนไหวของกองทัพฝั่งกัมพูชา ตลอดแนวตั้งแต่เขาพระวิหารลงมาถึงอุบลราชธานี ก่อนเดือน เม.ย.นั้น มีความผิดปกติ เมื่อการข่าวพบว่ามีการตั้งฐานทหารปืน ค.ในพิกัดหวังผล การส่งเครื่องยิงจรวดหลายลํากล้อง 4 ระบบ เข้ามาระยะที่เราต้องเฝ้าระวัง มีการเติมกําลังในบางจุดเข้ามาถึง 16 ต่อ 1 ทำให้ฝ่ายไทยต้องเสริมกำลังเข้าไปอยู่ในอัตราส่วนที่ไม่ให้ได้เปรียบ เสียบเปรียบ และเตรียมความพร้อมให้สมดุล โดยมีการประสานไปยัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม เพื่อแจ้งการดำเนินการในฐานะผู้บังคับบัญชา

นำไปสู่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ที่กรุงเทพมหานคร โดยไฮไลต์คือการประชุมวงเล็กระหว่าง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกของไทย พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา โดยมี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รมว.กลาโหมไทย กับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิย์ รมช.กลาโหมไทย พล.อ.เตีย เซรย ฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา ร่วมหารือ

ผลสรุปคือทั้ง 2 ฝ่ายต้อง ขยับกําลังออกจากพื้นที่ทับซ้อนที่มีการอ้างสิทธิ์ ลดการเผชิญหน้าระหว่างกันลง โดยให้แม่ทัพภาคที่ 2 และ ผบ.หน่วยกำลังในพื้นที่ไปหาข้อสรุป ท่ามกลางกระแสสังคมที่เรียกร้องไม่ให้แม่ทัพภาคที่ 2 อย่ายอมถอนกำลังออกจากปราสาทตาเมือนธม

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏภาพทหารกัมพูชาเข้ามายึดเนิน 745 ช่องบก อ.น้ำยืน อุบลราชธานี โดยขุดคูเลต สร้างฐานที่มั่น ก่อนที่ในเวลาต่อมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกมาระบุว่า ทางกองกำลังสุรนารีตรวจพบมาระยะหนึ่งแล้ว และรายงานให้ได้ทราบ โดยทางกองกำลังสุรนารีได้เข้าไปพูดคุยกับทหารกัมพูชา จนกระทั่งมีข้อสรุปให้ยกเลิกการขุดคูดังกล่าว และตกลงถอนกำลังออกจากพื้นที่ทับซ้อนทั้ง 2 ฝ่าย

แต่ทหารกัมพูชายังไม่หยุดความพยายาม คงเข้าดำเนินการขุดคูเลตขึ้นมาใหม่ยาวถึง 650 เมตร ห่างจากพื้นที่เดิมประมาณ 5.1 กม. เข้ามาด้านบนฝั่งไทย โดยทหารไทยได้เข้าเจรจาเพื่อให้ยุติการดัดแปลงฐานที่มั่นทางทหาร จนเกิดเหตุปะทะกันจนได้เมื่อเช้ามืดวันที่  28 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย โดย ผบ.หน่วยในพื้นที่ต้องเจรจา ลดการเผชิญหน้า ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย

ในระดับกระทรวงกลาโหม ได้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก โดย พล.อ.เตีย เซย ฮา รมว.กลาโหม ต้องโทรศัพท์พูดคุยกับ “ภูมิธรรม” โดยฝั่งกัมพูชาคงใช้การอ้างอิงแผนที่ 1:200,000 พร้อมยืนยันว่าในพื้นที่ตรงนั้นคือเขตกัมพูชา โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกไทยได้นำทั้งแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศไปยืนยันสถานะในจุดที่ทหารกัมพูชาละเมิด ก่อนนำไปสู่การหารือกับ พล.อ.เมา โซะ พัน ผบ.ทบ.กัมพูชา ที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

จากเหตุการณ์ดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบพิกัดการขุดคูเลต พบข้อมูลตรงกันว่า

“จุดที่ทหารกัมพูชาขุดนั้น อยู่ระหว่างศาลาตรีมุขกับต้นพญาสัตบรรณ ที่ใช้อ้างอิงพิกัด โดยห่างจากศาลตรีมุข 500 เมตร และเป็นพื้นที่ในเขตแดนไทย ไม่ใช่เขตทับซ้อนอ้างสิทธิ์ของ 2 ฝ่าย”

ข้อมูลเบื้องต้นจากกองกำลังสุรนารี ก็ยืนยันพิกัดดังกล่าวว่าเป็นเขตแดนไทย ด้วยข้อมูลเดิมที่เมื่อนำแผนที่ 1:50,000 ซึ่งไทยใช้ในการอ้างอิงมาตลอด กับแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชาใช้อ้างอิง จะมีพื้นที่ทับซ้อน หรืออ้างสิทธิ์ 8-9 จุด แต่บางเส้นในแผนที่ 2 ฉบับที่ทับกันเป็นเส้นเดียว ซึ่งจุดที่เกิดเหตุล่าสุดค่อนมาในฝั่งไทย เลยบริเวณเนิน  745 ที่ขุดกันรอบแรก สถานะของพื้นที่จึงเรียกได้ว่าเป็น “อธิปไตย” ที่ทหารไทยได้ปฏิบัติการ

ทำให้ระดับรัฐบาลต้องย้ำว่า ในการหารือรอบแรกนี้ไม่ได้คุยเรื่องเขตแดน หรือแผนที่ แต่เป็นการหาข้อตกลงเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน โดยกำลังทั้ง 2 ฝ่ายได้ถอยจากจุดเกิดเหตุฝั่งละ 400 เมตร เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลาย 

ซึ่งผลการประชุมของ ผบ.ทบ. 2 ฝ่ายได้ข้อสรุป 3 ข้อ คือ 1.ให้ทั้ง 2 ฝ่ายแก้ไขปัญหาครั้งนี้ผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งจะจัดขึ้นภายใน 2-3สัปดาห์ 2.ให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้า 3.ให้รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ให้ใช้ความอดทนอดกลั้น

ถือเป็นการทดสอบปฏิกิริยาหย่าศึกในยกแรกหลังคุยกันมากว่า 1 ชั่วโมง

แต่ปรากฏว่าระหว่างนี้ ปฏิกิริยาของฝั่งกัมพูชายัง “ไม่แผ่ว” ทั้ง “สมเด็จฮุน เซน” ที่แสดงท่าทีหนุนหลังภาวะผู้นำของ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการเสริมกำลังและยุทโธปกรณ์หนักเตรียมความพร้อมรับมือ พร้อมด้วยการโต้กลับฝ่ายค้านที่ออกมาโจมตีความอ่อนด้อยของรัฐบาล “ฮุนผู้ลูก”

อย่างไรก็ตาม “ฮุน มาเนต” ก็คุยกับ “แพทองธาร ชินวัตร” เพื่อหาทางออกด้วยการเจรจา ย้ำท่าทีในการหาทางออกโดยสันติวิธี ท่ามกลางโลกโซเชียลฝั่งกัมพูชา นำเสนอการเคลื่อนกำลัง อาวุธหนักจากพนมเปญเสริมกำลังชายแดนเป็นการข่มขวัญ

 ในขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ใช้การออกประกาศขอความร่วมมือสื่อและประชาชน ไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพการเคลื่อนย้ายอาวุธเสริมชายแดนไทยเหมือนเป็นการสื่อนัย 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีการวิเคราะห์เป้าประสงค์ของกัมพูชาไปหลากหลายแนวทาง ทั้งการมองไปที่ยุทธศาสตร์สงครามตัวแทนผ่านมหาอำนาจ และทฤษฎีการใช้วิกฤตเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้นำ 2 ชาติกลับมาได้รับความนิยม โดยใช้เงื่อนไข “เจรจา-ปลดล็อก” ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด

ตอนนี้จึงปล่อย “กองทัพ” และระดับปฏิบัติหาข้อยุติจากกรณีที่เกิดขึ้น รอเวลาและจังหวะเพื่อเดินเกมที่วางไว้

เพราะหากพลิกดูกฎหมายในเรื่องการประกาศสงครามของไทย ไม่ใช่ทำได้ง่าย เนื่องจากมีขั้นตอนหลายประการ ทั้งรัฐบาลและสภาฯ อีกทั้งการรบในขณะนี้จะแตกต่างจาก “ศึกเขาพระวิหาร” การใช้กำลังทางอากาศ จะเข้ามามีบทบาทและส่วนสำคัญในการชี้ขาดชัยชนะ ขนาดและความรุนแรงของการปะทะจึงมากกว่าเมื่อปี 2554 ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดสงครามจึงมีน้อยมาก

ขณะที่กองทัพดำรงบทบาทหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย  ดูกรอบกฎหมายและกลไกต่างๆ อย่างรอบคอบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ

สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม

ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี

นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน 'ภูมิธรรม-ทวี' แทรกแซงคดีฮั้ว สว.

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่ ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม