น่าสนใจไม่น้อยกับการเคลื่อนไหวของ กลุ่มเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังคงเคลื่อนไหวการเมืองต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนัดรวมพล-รวมตัว สส.และแกนนำ รทสช.หลายนัดติดต่อกัน จนทำให้เวลานี้พรรค รทสช.แตกยับ สส.ในพรรคแม้มี 36 คน แต่อย่างที่เห็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ไม่สามารถควบคุมทิศทางพรรคให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้แล้ว เหลือเพียงแค่รอวันแตกหัก-แยกย้าย ทางใครทางมันเท่านั้น
เพราะชัดเจนว่ากลุ่มสุชาติ โดยเฉพาะเสี่ยเฮ้ง ต้องการให้กลุ่มพีระพันธุ์เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคแล้วมีมติขับตนเองและบางคนในกลุ่มออก เพื่อจะได้ไปเปิดตัวกับพรรคโอกาสใหม่ และจะรวมเสียง สส.รทสช.จำนวนหนึ่งให้ได้สัก 15-18 เสียง ส่งชื่อไปให้ เสี่ยใหญ่-ทุนพลังงาน เอาไปส่งให้ ทักษิณ ชินวัตร เพื่อเอาโควตารัฐมนตรีอย่างน้อย 2 ว่าการฯ มาไว้กับกลุ่มเพื่อนเฮ้ง-ทุนพลังงาน
และการเขย่ารอบล่าสุดก็คือ การเปิดหน้า-เปิดตัวของ สส.ในกลุ่มทั้ง สส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ไปร่วมวงอาหารคํ่ากันอย่างคึกคักที่ร้าน Neil’s Tavern Steak ซอยร่วมฤดี โดยมีไวน์รสชาติเยี่ยมรินเสิร์ฟ พร้อมสเต๊กเทนเดอลอย-ฟัวกราส์-ปลาหิมะ-ริบอายสเต๊ก คลอเคล้าไปกับบทสนทนาการเมือง เมื่อค่ำวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีข่าวว่าทางกลุ่มได้ตกลงใช้ชื่อกลุ่มตัวเองว่า กลุ่ม 18 ที่จะ มี 2 คีย์แมนหลักขับเคลื่อนคือ เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ, ออย-พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ อดีตเลขานุการส่วนตัว สายตรง "นักธุรกิจใหญ่พลังงาน" คอยคุมทิศทางกลุ่ม 18 โดยมีหลักไมล์ที่พรรคโอกาสใหม่เป็นสถานีปลายทาง
ก็เป็นอีกครั้งที่การเมืองไทย มี "กลุ่มการเมือง" ที่ใช้ตัวเลขเรียกชื่อกลุ่มของตัวเองในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะก่อนจะมี "กลุ่ม 18" พบว่าการเมืองไทยมีกลุ่มการเมืองที่ใช้ตัวเลขเรียกชื่อกลุ่มมาแล้ว โดยเอาที่เป็นกลุ่มหลักๆ ซึ่งเกิดขึ้นและมีอิมแพกต์ทางการเมืองตามมา เรียงตามปฏิทินเวลา ก็คือ
- “กลุ่ม 10 มกรา” (พ.ศ.2530)
ถือเป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มแรกๆ ที่ใช้ตัวเลขเป็นชื่อเรียกของกลุ่ม โดยกลุ่ม 10 มกราคือกลุ่มการเมืองที่เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ สมัยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ แล้วเกิดปัญหาการบริหารงานการเมืองในพรรค ปชป.ขึ้นช่วงปี 2530 แต่มาแตกหักจนมีการตั้งกลุ่ม 10 มกรา หลังมีการประชุมใหญ่พรรค ปชป.ในการเลือกหัวหน้าพรรคที่ พิชัย รัตตกุล เอาชนะ เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ นักธุรกิจใหญ่ประเทศไทยเวลานั้น และกลุ่มของพิชัยยังผลักดันให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ได้รับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการพรรค ปชป.ด้วยในวันเดียวกัน โดยเอาชนะ วีระกานต์ มุกสิกพงศ์
ทำให้กลุ่มเฉลิมพันธ์-วีระไม่พอใจ จึงประกาศเคลื่อนไหวตั้งกลุ่ม 10 มกราขึ้นมา โดยที่มาของเลข 10 ก็คือ วันที่มีการเลือกหัวหน้าพรรคดังกล่าวคือวันที่ 10 มกราคม 2530 ที่โรงแรมเอเชีย โดยมี สส.ปชป.อยู่ในกลุ่มประมาณร่วม 40 คน และหลังจากนั้นก็เกิดปัญหาภายในพรรค ปชป.ตลอด เช่น กลุ่ม 10 มกรา ไม่พอใจที่พิชัยเสนอชื่อลูกชาย พิจิตต รัตตกุล เป็นรัฐมนตรี จนมาถึงจุดแตกหัก เมื่อกลุ่ม 10 มกราไม่ยกมือสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ที่เป็นกฎหมายสำคัญของรัฐบาลพลเอกเปรม ทำให้พลเอกเปรมยุบสภาฯ จัดเลือกตั้งปี 2531 จากนั้นกลุ่ม 10 มกราไปตั้งพรรคใหม่ชื่อ "พรรคประชาชน" แต่อยู่ได้แค่สมัยเดียวก็แยกย้าย และตอนนี้พรรคประชาชนก็คือ พรรคใหม่ของก้าวไกล หลังโดนยุบพรรคนั่นเอง
- “กลุ่ม 16” (พ.ศ.2535)
สำหรับกลุ่ม 16 จะมีความแตกต่างจากกลุ่ม 10 มกรา ประชาธิปัตย์ เพราะ สส.กลุ่ม 16 ที่รวมตัวกันช่วงรัฐบาลชวน หลีกภัย 1 ที่เกิดปัญหาเรื่องการแจก สปก.4-01 ที่ถูกตรวจสอบอย่างหนักจาก สส.กลุ่ม 16 ที่กระจายตัวอยู่ที่ 2 พรรคหลัก “พรรคชาติไทย” ที่ตอนนั้นเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน มีแกนนำ เช่น เนวิน ชิดชอบ, วราเทพ รัตนากร และ สส.อีกส่วนหนึ่งในกลุ่มอยู่กับพรรคชาติพัฒนา ที่ตอนนั้นเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ สส.บางคนสนิทกับกลุ่มเนวิน และไปร่วมตรวจสอบเรื่อง สปก.4-01 กับฝ่ายค้านด้วย เช่น ไพโรจน์ สุวรรณฉวี โดยกลุ่ม 16 มีหัวหน้ากลุ่มคือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส่วนที่ใช้ชื่อว่ากลุ่ม 16 เพราะเปิดตัวกลุ่มเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2535 มีออฟฟิศกลุ่มที่ย่านดินแดง และมักใช้ รร.สยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยาในอดีต เป็นที่นัดพบเคลื่อนไหวการเมือง และเป็นกลุ่มหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชวน เรื่อง สปก.4-01 จนชวนต้องยุบสภาฯ อย่างไรก็ตาม หลังเลือกตั้งปี 2537 ที่กลุ่ม 16 ส่วนใหญ่ไปอยู่รวมกันที่พรรคชาติไทย และชาติไทยชนะเลือกตั้ง บรรหาร ศิลปอาชา ได้เป็นนายกฯ
หลายคนในกลุ่ม 16 ได้เป็นรัฐมนตรี เช่น เนวินได้เป็น รมช.คลัง, สุชาติ ตันเจริญ รมช.มหาดไทย ปรากฏว่าถูกประชาธิปัตย์เอาคืน ตรวจสอบ-ซักฟอกเรื่องการปล่อยกู้ของแบงก์บีบีซี ทำให้กลุ่ม 16 โดนเปิดแผลหนัก จนสุดท้ายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมรัฐบาลเวลานั้นบีบให้บรรหารลาออก แต่บรรหารเลือกยุบสภาฯ หลายคนในกลุ่ม 16 มีภาพลักษณ์ติดลบอย่างหนัก จนต้องแยกย้ายกันไป แต่บางคนยังมีบทบาทสูงในการเมืองไทยตอนนี้ เช่น เนวิน ที่ภูมิใจไทย เป็นต้น
- “กลุ่ม 23 พลังธรรม” (พ.ศ.2537)
ที่เป็นการรวมกลุ่มกันของแกนนำ-สส.พลังธรรม ที่เป็นพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นโดยมี พลตรีจำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งในช่วงหลังเลือกตั้งปี 2535 ที่พลังธรรมร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ และสนับสนุนชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ
ต่อมาเกิดปัญหาขัดแย้งกันในพรรคอย่างรุนแรง เพราะ "สายวัด-พลตรีจำลอง" เข้ายึดอำนาจในพรรคแบบเบ็ดเสร็จ และทำเซอร์ไพรส์การเมืองด้วยการไปดึง 2 นักธุรกิจที่กำลังโด่งดังในวงการมาเป็นรัฐมนตรีโควตาพลังธรรม คนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน ทักษิณ ชินวัตร ที่ตอนนั้นเริ่มร่ำรวย-ประสบความสำเร็จกับธุรกิจสัมปทานมือถือ-ดาวเทียม เป็นประธานกรรมการ บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จํากัด (มหาชน) โดยพลตรีจำลองใส่เสื้อม่อฮ่อมเดินขึ้นตึกชินวัตร ชวนมาเป็น รมว.การต่างประเทศด้วยตัวเอง แล้วปลด “น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ” ออกจาก รมว.การต่างประเทศ ส่วนนักธุรกิจอีกคนก็คือ วิชิต สุรพงษ์ชัย ที่กำลังโดดเด่นในวงการธนาคาร เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ก็ดึงมาเป็น รมว.คมนาคม แทน พ.อ.วินัย สมพงษ์ ทำให้พวกที่ไม่ใช่สายวัดในพรรคพลังธรรมที่เรียกกันว่า "สายบ้าน" ไม่พอใจ ตั้งกลุ่ม 23 ขึ้น มีแกนนำคือ น.ต.ประสงค์-บุญชู โรจนเสถียร-พ.อ.วินัย เป็นต้น ทำให้ตอนนั้นพลังธรรมเลยมี 2 ปีกในพรรค คือ สายวัด-กลุ่มพลตรีจำลอง และกลุ่ม 23 โดยทั้ง 2 กลุ่มมีปัญหาทะเลาะกันตลอดเวลา
จนเมื่อชวน หลีกภัย ยุบสภาฯ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่อง สปก.4-01 กลุ่ม 23 ก็ออกจากพลังธรรมไปตั้งพรรคใหม่ ชื่อ "นำไทย" แต่อยู่แค่สมัยเดียวก็เลิกรา
ส่วน "กลุ่ม 18-รทสช. เพื่อนเสี่ยเฮ้ง" (2568) จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค รทสช.และรัฐบาลเพื่อไทยได้แค่ไหน และปลายทางของกลุ่ม 18 จะลงเอยแบบใด คงต้อง wait and see สักระยะ เดี๋ยวก็รู้ รุ่งหรือร่วง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้ามาตรการเข้ม คุมโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล ลดฝุ่น PM2.5 รับมือหมอกควันปี 2569
นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2569
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
“สุชาติ” ประชุมคณะอนุกรรมการประจำภาคตะวันออก เร่งขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้นที่เชิงบูรณาการ ปีงบประมาณ 2570
วันนี้ (4 ธันวาคม 2568) เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล


