การเตรียมยื่น ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เสมือนการ ‘ขู่ขวัญ’ รัฐบาล โดย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ดูจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว เมื่อเทียบกับฉากทัศน์การเมืองไทยเวลานี้ ที่พลิกผันเสียจนประชาชนคนไทยแทบตามไม่ทัน
จากไม่กี่เดือนก่อนหน้า ‘เสี่ยหนู’ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.ได้ถอนตัวจากรัฐบาล ทิ้งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี พร้อมสละตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพื่อไปนั่งเก้าอี้ฝ่ายค้านเต็มตัว
เมื่อมองย้อนถึงภาพความทรงจำที่ยังชัดเจน เมื่อครั้งนายอนุทินเดินประกบเคียงคู่ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อพยายามสมานรอยแผล หลัง ‘ลูกเนวิน’ นายไชยชนก ชิดชอบ ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ประกาศกร้าวกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะคัดค้านร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แบบหัวชนฝา
จนเกิดข้อถกเถียงกันได้ว่า ก้าวย่างของ ภท.ครั้งนี้ อาจเป็นการสะดุดเสียท่าเองหรือไม่ ตามสัจธรรมของการเมือง ‘ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร’ เมื่อสูญเสียตำแหน่ง และผลประโยชน์ไปแล้ว ย่อมต้องฉวยโอกาสหันมาแว้งกัดรัฐบาลที่เคยเป็นรังนอนโดยไม่สนว่าศึกนอก-ศึกในของประเทศรุนแรงเพียงใด ขอให้ล่มจมไปด้วยกันเป็นพอ
อีกกระแสที่มีการมองกันคือ จังหวะช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง หากภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติการพิจารณา ‘รับ’ หรือ ‘ไม่รับ’ จากการลงชื่อของ สว.ขอให้วินิจฉัย ‘ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ ‘นายกฯ อิ๊งค์ สิ้นสุดลง’ หรือ ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่’ กรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
หากมีมติรับไว้พิจารณา หรือถึงจุดที่สถานการณ์บานปลายจนอาจเข้าใกล้เดดล็อกการเมือง ก็มีความเป็นไปได้ว่าพรรค ภท.จะรามือในเรื่องนี้ หากปรากฏแนวทางใดที่เข้าทาง ให้พลิกกลับขึ้นมาเป็นผู้นำเอง
เป็นเหตุผลที่ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี ซึ่งประสานงานกับวิปในสภาฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน’ หรือ ‘ฝ่ายแค้น’ กันแน่ ในเมื่อเพิ่งก้าวขาพ้นรัฐบาลไม่นาน กลับประกาศยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ซึ่งเป็นการทำเกินหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) หรือไม่ เพราะด้วยจำนวน สส.ที่น้อยกว่า พรรค ภท.ก็ยังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอันดับ 2 อยู่ดี
“วันนี้ผู้นำฝ่ายค้านมาจากพรรคประชาชน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย” นางมนพรย้ำ
ด้านพรรค ปชน.เอง ที่เป็นเจ้าภาพในการขอเปิดซักฟอกมาเสมอ ก็ได้แสดงท่าทีอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ทั้งยังไม่ได้ดูกระตือรือร้นเล่นไปตามที่พรรค ภท.ชงมาให้แต่อย่างใด
หากจะประเมินจากคำตอบของโฆษกพรรคอย่าง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำพรรค ปชน. ที่บอกแกมเหน็บไว้ “ต้องขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านน้องใหม่อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ใช้วิธีการเชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นผ่านสื่อมวลชน ตามที่พรรคภูมิใจไทยมีข้อเสนอขึ้นมา”
นี่คือสัญญาณว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ จึงอาจถือเป็นการข้ามหน้า ‘พี่ใหญ่ฝ่ายค้าน’ ผู้กุมเสียงไว้มากที่สุด และดักคอไว้ หาก ภท.ต้องการเสียงของ ปชน.ช่วย ก็อาจจะต้องเดินตามจังหวะกันมา ไม่ใช่เดินนำไปเองก่อน
ก่อนที่ นายพริษฐ์ จะกล่าวเน้นอีกว่า “ปัจจัยคงไม่ใช่แค่เรื่องของข้อมูล แต่คือเรื่องจังหวะเวลา การยื่นซักฟอกตามมาตรา 151 มาแน่นอน แต่มาตรา 151 เป็นอาวุธที่ทรงพลัง และเป็นอาวุธที่ต้องใช้อย่างแม่นยำ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญแล้ว มาตรา 151 เป็นกลไกที่ใช้ได้เพียง 1 ครั้งต่อปีสมัยประชุม”
พร้อมย้ำตามจุดยืนเดิมว่า "อยากให้นายกฯ ทบทวนในการทำหน้าที่ของตัวเองจริงๆ ว่า พร้อมจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อหรือไม่ พร้อมเป็นหัวเรือในการแก้ปัญหาที่รุมเร้าประเทศเราหรือไม่ หากทบทวนแล้วคิดว่าตนเองไม่สามารถเรียกความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมาได้ พรรคประชาชนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ทางออกที่ดีที่สุดหากเป็นเช่นนั้น คือการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน"
"จึงอยากให้นายกฯ ใช้เวลาในการทบทวนตรงนี้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ข้อสรุปว่า จะมีการยื่นมาตรา 151 ไปแล้ว ทางเลือกของนายกฯ ในการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน จะไม่มีอีกต่อไป เพราะตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากมีการยื่นมาตรา 151 แล้ว จะไม่สามารถยุบสภาได้" นายพริษฐ์ กล่าว
กระนั้นเอง เป้าประสงค์ของ ปชน.ก็ชัดเจนว่า การยุบสภาย่อมส่งผลดีต่อพรรคของตนเองมากกว่าการลาออกของนายกฯ เพราะการไปช่วงชิงความได้เปรียบด้านคะแนนนิยมในการเลือกตั้งใหม่ ย่อมดีกว่าเสี่ยงกับการยกมือเลือกนายกฯ ใหม่ในสภา เนื่องจากบัดนี้ ปชน.ไม่เหลือรายชื่อบุคคลที่อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ จึงไม่สามารถลงสนามเพื่อแข่งขันได้
อย่างไรก็ดี การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ของ สส.ที่มีอยู่ในสภา ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 495 คน กล่าวคือ ต้องมีคนลงชื่อจำนวน 99 คน
โดย ภท.มี สส.อยู่แล้ว 69 คน จึงต้องการแนวร่วมเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 30 เสียง ซึ่งล่าสุดได้รับการยืนยันจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการประกาศพร้อมสนับสนุน พ่วงกับ สส.พปชร. 19 เสียง ดังนั้นเสียงที่แน่นอนแล้วจะอยู่ที่ 88 เสียง เหลือตัวเลขที่ต้องหามาเติมให้ได้อีก 11 เสียง
เวลานี้ยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะหาได้หรือไม่ หรือกำลังติดต่อหลังบ้านพรรคไหน เพราะหาก ปชน.เอาด้วย ก็คงครบได้ไม่ยาก แต่จะเป็นไปได้หรือ เนื่องจากหากเลือกเดินทางนั้น เท่ากับทางเลือก ‘ยุบสภา’ ที่ ปชน.มุ่งหวังจะถูกปิดไปด้วย จึงต้องขึ้นอยู่กับการต่อรองระหว่างพรรคสีน้ำเงิน และพรรคส้ม
ย้อนกลับไปยังเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีเลือกจะเดิน ‘ลุยไฟ’ ไปต่อ ทั้ง ‘ไม่ยุบสภา’ และ ‘ไม่ลาออก’ เพราะห้วงเวลานี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการผลักดันร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2569 ที่จะเข้าวาระ 2 ในช่วงปลายปีนี้ ที่เป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดต่อรัฐบาล เพราะจะเป็นงบประมาณที่กระจายลงสู่ท้องถิ่น เป็นกำลังตุนไว้เพื่อรับศึกเลือกตั้ง 2570 ที่ไม่อาจปล่อยหลุดมือไปได้
ในห้วงเวลาตึงเครียด ทั้งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังชุลมุน ไหนจะเหตุสู้รบในตะวันออกกลาง ประเทศไทยกลับไม่สามารถสร้างเอกภาพเป็นปึกแผ่น เพื่อรับมือความท้าทายได้ เหตุเพราะทุกฟากฝ่ายการเมืองนั้นล้วนมุ่งสู่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ
สุดท้าย ‘รัฐนาวา’ นี้ คงได้แต่ลอยวนในอ่าง อย่างไม่เห็นจุดจบ หากยังไม่มีใครจะยอมถอยอะไร ดันทุรังกันไปจนกว่าจะมีใครที่สามารถสร้างอำนาจ ไปสู่การล้มกระดาน หรือปรับอำนาจต่อรองใหม่ ในสมการการเมืองปัจจุบัน!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง


