ตัวละครในเรื่องเล่า‘ทักษิณ’ แค่ขยายผลเพื่อหวังแก้เกม

ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล “ชินวัตร” และตระกูล “ฮุน” ขาดสะบั้นลงด้วย “ความไม่ไว้ใจกัน” ระหว่าง “ฮุน เซน” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” จากเหตุ “คลิปเสียงสนทนาหลุด” ส่งผลให้ความสัมพันธ์จาก “สหาย” กลายเป็น “พระยาละแวก” แบบฉับพลัน

 “ทักษิณ” เปิดใจในเวทีของสื่อเครือเนชั่น เล่าถึงอาการควันออกหูเมื่อเห็นข่าวกัมพูชาเคลื่อนกำลังเข้ามาประชิดชายแดนร่วม 1.2 หมื่นนาย เลยโทร.ไปฝากข้อความให้ “พี่ฮวด” ถาม “ฮุน เซน” ว่าจะรบกับไทยหรือ? โดยเขาวิเคราะห์ว่าเกี่ยวพันกับคะแนนนิยมของรัฐบาลกัมพูชาที่กำลังตกต่ำ

แต่ขาประจำฟันธงว่าอย่าเพิ่งสรุปตามภาพมายาทางการเมือง เพราะบางที “สิ่งที่เห็นยังไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ยังไม่เห็น” โดยเชื่อว่า “ปมเงื่อน” มีความเกี่ยวข้องกับ “ผลประโยชน์” ที่มีความผกผันระหว่างขุมทรัพย์กาสิโน-ค่าน้ำจากธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ กับนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ถอนออกจากวาระการพิจารณาของสภาไปแล้ว

แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง เพราะถึงไทยมีกาสิโน ก็วางฐานลูกค้าคนละกลุ่มกับกัมพูชาอยู่แล้ว และเมื่อเทียบกับรายได้จากการให้สถานที่ตั้ง เปอร์เซ็นต์ของเม็ดเงินที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แบ่งสันปันส่วนให้ ก็น่าจะมากกว่ารายได้จากกิจการบ่อนที่หล่อเลี้ยงการเมืองในยุค “ฮุน”   

แต่นั่นก็ทำให้เห็นถึงปฏิกิริยาหลายอย่างที่กัมพูชาดิ้นพล่าน เมื่อไทยออกมาตรการปิดสวิตช์บ่อนการพนัน ด้วยการห้ามนักเล่นเดินทางข้ามจากสระแก้ว ตราด สุรินทร์ บุรีรัมย์ 

เลยไปถึงการเปิดข้อมูลของ “ยูเอ็น” มัดคอกัมพูชาว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมออนไลน์ของโลก ตามกลยุทธ์การใช้นานาชาติกดดัน โดยมีเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจที่ทาบทับกันอยู่

จากนั้น “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” ใช้โซเชียลมีเดียในการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องชาตินิยม ด้วยการใช้สถานการณ์ชายแดนเป็นเครื่องมือ และพยายามแก้ตัวเรื่องฐานบัญชาการคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต 

ล้วนเป็นการบ่งชี้ว่า “เงินเทา” จากแก๊งอาชญากรเหล่านี้คือใจกลางของปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างนักการเมือง “เขี้ยวลากดิน” ที่อยู่ในช่วงวัยทอง

ย้อนกลับไปวันที่ 7 ก.พ.2568 “ทักษิณ ชินวัตร” ให้สัมภาษณ์ถึงความเอาจริงเอาจังของไทยในการประสานความร่วมมือกับจีน หลังบุตรสาวได้หารือกับ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ในการปราบสแกมเมอร์ที่ “ชเวก๊กโก” เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เลยไปถึงการ “พล็อตจุด” ให้สังคมโลกได้รับรู้ถึงแหล่งหลอกลวงออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งกัมพูชาไปด้วย

“ส่วนในทางฝั่งประเทศกัมพูชาก็มีข้อมูลชัดเจนขึ้นว่าใครเป็นใคร และต้องขอความร่วมมือให้ได้ ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่าที่ปอยเปต ตึก 25 ชั้นเป็นของใคร และคนนี้มีสัญชาติไทยด้วย เมื่อถึงเวลาจะถอนสัญชาติ” ทักษิณระบุ

จากนั้นก็เริ่มมีกระแสเรียกร้องไปยังรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” จัดการกับต้นตอแก๊งหลอกลวงคนไทย ตัวปลอม-เสียงจริง ซึ่งมีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่ชายแดนตะวันออก ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ชายแดนติดกับไทย ภายใต้คำถามที่ว่า “รัฐบาลที่มีผู้นำตระกูลชินวัตร” จะกล้าจัดการหรือไม่

เพราะไม่มีใครเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะกล้าใช้ไม้แข็งเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงชนชั้นนำกัมพูชา ด้วยการปิดสวิตช์เมืองปอยเปต สกัดเม็ดเงินจากนักพนันที่เข้าไปเสี่ยงโชค และรายได้ใหม่ที่มากมายมหาศาลจาก “ค่าต๋ง” ในการให้จีนเทามาใช้พื้นที่

ถ้าไม่มี “คลิปหลุด” รัฐบาลจะไฟเขียวให้กองทัพใช้มาตรการควบคุมการเปิด-ปิดด่าน เพื่อกดดันอีกฝ่ายหรือ?

ถ้าไม่มี “คลิปหลุด” ตร.ไซเบอร์จะเดินหน้าจัดการกับเครือข่าย “ก๊ก อาน” มือวางอันดับ 3 ของกัมพูชา ที่มีความมั่งคั่งเป็นอันดับ 3 รองจากฮุน เซน และ “ลี ยง พัด” หรือ “พัด สุภาภา” เจ้าพ่อเกาะกงหรือไม่

ทั้ง “พัด สุภาภา” กับ “ก๊ก อาน” คือนายทุนพรรคประชาชนกัมพูชา จากทุนท้องถิ่นที่เติบโตขึ้นมาเป็นนายทุนชาติ ได้รับสัมปทานรัฐ ทั้งเหล้า นำเข้าบุหรี่ เครื่องดื่มชูกำลัง สินค้าขายดีตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา เพราะการผูกปิ่นโตกับ “ฮุน เซน” มาตลอด

โดยมีธุรกิจต้นน้ำที่กินไปยาวๆ อย่าง “บ่อนกาสิโน” ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะเบ่งบาน สยายปีกเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากจุดเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ด้านความมั่นคงของจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษ  แต่ในที่สุดรัฐบาลจีนก็คุมไม่อยู่ กลายเป็นแก๊งมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ เพราะทำทุกอย่างที่ผิดกฎหมาย

ทักษิณขยี้ข่าว เรื่องหลานฮุน เซน ถือหุ้นในบริษัทที่ถูกตรวจสอบเส้นเงินจากบริษัทที่เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ทักษิณตอบคำถาม 3 บ.ก.แห่งเครือเนชั่น ที่ถามว่า ความขัดแย้งกับฮุน เซน มีเรื่องการเมืองไทยเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเปิดประเด็นโยงไปที่ผลประโยชน์เรื่องแรงงานข้ามชาติ

“ผมไม่รู้ แต่รู้ว่ามีเส้นเงินจากไทยในเรื่องแรงงานไปยังที่ปรึกษาแรงงานของกัมพูชาส่วนหนึ่ง และมีการโอนไปโอนกลับประมาณ 100 กว่าล้าน ซึ่งมีนาย ก.เกี่ยวข้องกับแรงงานให้กับที่ปรึกษารัฐมนตรีแรงงานฝั่งนู้น”

แม้จะมีการชี้เป้าไปที่บริษัทแรงงานที่เรียกกันในวงการว่า ซีอีโอ อ. หรือข้าราชการระดับสูงในกรมการจัดหางาน ที่ร่วมกับมิ บุญ ฮะ ที่ปรึกษา รมว.แรงงานกัมพูชา เพื่อให้เชื่อมโยงกับการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่ขัดแย้งกัน

แต่ก็มีคำถามว่า เมื่อมีข้อมูลอยู่ในมือ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่กล้าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดการ เช่นเดียวกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นหัวหน้าแก๊ง และรู้ด้วยว่าถือสองชาติ แต่ก็ยังปล่อยให้ลอยนวลมาได้ ทั้งที่รัฐบาลถืออำนาจเต็ม

จึงไม่แปลกถ้าใครจะมองว่า หากไม่ขัดแย้งกัน คงปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ลอยนวล และปล่อยให้คนไทยถูกหลอกเงินไปให้พวกอาชญากรรมเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยง แบ่งสันปันส่วนให้ชนชั้นนำของประเทศกัมพูชาอีกจำนวนมหาศาล

เรื่องเล่าของ “ทักษิณ” จึงเป็นเพียงการกันตัวเองออกจากเงื่อนปมปัญหา และหวังผลแก้เกมทางการเมืองในการเขย่าฝ่ายตรงข้ามให้ถูกตั้งคำถามเท่านั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก