3 กำแพงพท.ปีนข้ามยาก หาตัวผู้นำ-แคนดิเดตนายกฯ

ทิศทางและอนาคตของ พรรคเพื่อไทย ต่อจากนี้ เป็นเรื่องที่แวดวงการเมืองพูดถึงกันค่อนข้างมากในช่วงนี้ หลังพรรคเพื่อไทยทำอำนาจรัฐหลุดมือ การเมืองพลิกขั้ว เปลี่ยนจากพรรคแกนนำรัฐบาลไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน และพ่ายแพ้ต่อเกมการช่วงชิงการตั้งรัฐบาลให้กับ "อนุทิน ชาญวีรกูล-พรรคภูมิใจไทย" ตามด้วยการที่ “ทักษิณ ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำตามคำสั่งศาลฎีกาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม หากมีการเลือกตั้งตามไทม์ไลน์ข้อตกลง ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม-เมษายน 2569 ถึงตอนนั้นทักษิณก็เข้าสู่กระบวนการพักโทษ ได้ออกจากเรือนจำแล้ว ทำให้ทักษิณก็สามารถเข้ามาช่วยวางแผนเตรียมการเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยได้

ท่ามกลางการถูกคาดหมายทางการเมืองว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้น โอกาสที่เพื่อไทยจะกลับไปชนะการเลือกตั้งได้เป็นพรรคอันดับ 1 มี สส.มากสุด น่าจะยาก เผลอๆ อาจกลายเป็นพรรคอันดับ 3 รองจากพรรคประชาชน-ภูมิใจไทย

เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลเพื่อไทย นโยบายหาเสียงหลายอย่างของเพื่อไทยไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง รัฐบาลเพื่อไทยไม่สามารถปลดล็อกปมขวางกั้นได้ ทำให้สิ่งที่หาเสียงไว้ รวมถึงเขียนไว้ในนโยบายรัฐบาลเพื่อไทย ทั้งยุคเศรษฐา ทวีสิน มาถึงแพทองธาร ชินวัตร ผ่านมา 2 ปี ทำไม่สำเร็จตามเป้าที่วางไว้ เช่น การแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, แก้ไขรัฐธรรมนูญ โครงการขนาดใหญ่ เช่น แลนด์บริดจ์ หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ทำให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เพื่อไทยจะถูกทวงถาม-ตั้งคำถามอย่างหนักว่า ที่หาเสียงไว้ ทำได้จริงหรือไม่ เพราะ 2 ปีของการเป็นรัฐบาลเพื่อไทยแสดงให้เห็นแล้วว่า หลายเรื่องทำไม่ได้จริง และบางนโยบายที่จะทำ เมื่อมีข้อจำกัดต่างๆ ก็ไม่สามารถทะลุทะลวง ปลดล็อกข้อจำกัดที่เกิดขึ้นได้ ผนวกกับสิ่งที่เคยเป็นจุดแข็งของเพื่อไทยและทักษิณคือนโยบายเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาปากท้องพบว่า ขายไม่ได้แล้ว 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจฝืดเคือง คนชักหน้าไม่ถึงหลัง คนไม่มีความหวัง ผิดกับอนุทิน-ภูมิใจไทย แค่บอกจะปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียงตอบรับอื้ออึง เพราะทำได้ทันที ระบบพร้อม เงินพร้อม คนมั่นใจว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง แต่รัฐบาลเพื่อไทยไม่ยอมสานต่อ เพราะกลัวเสียหน้า ที่ไปลอกนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แสดงให้เห็นถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลเพื่อไทยที่เอาการเมืองเป็นตัวตั้ง

ไม่นับรวมกับตัวนายกฯ จากเพื่อไทย 2 คนคือ เศรษฐา และแพทองธาร ที่บริหารประเทศมาร่วม 2 ปี ซึ่งคนทั้งประเทศเห็นแล้วว่า เป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิดของทักษิณ 2 ปีของ 2 นายกฯ เพื่อไทยเป็นการเสียเวลา-เสียโอกาสของประเทศ ผลงานไม่มีอะไรจับต้องให้คนกล่าวถึงได้

จุดอ่อนเหล่านี้จึงเป็นการบ้านที่หนักหนาของเพื่อไทย ยามเมื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งแน่นอน

และหนึ่งในโจทย์การเมืองที่ ทักษิณ-เพื่อไทย ก็คือการเตรียมหา-ชูแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อไทยคงส่งครบ 3 ชื่อแบบตอนเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 ที่จะดันขึ้นมาแทน เศรษฐา ทวีสิน, แพทองธาร ชินวัตร ที่กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นไม่ได้แล้ว แต่แพทองธารจะนำทัพในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยต่อไป

อย่างไรก็ตาม คนการเมืองมองไปที่คนในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ โดยเฉพาะพวก สส.และทีมการเมืองหลังฉาก พบว่ายังหาคนที่โดดเด่น ครบเครื่อง ชนิดประกาศชื่อมาว่าคือแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง แล้วคนจะขานรับ-พากันร้องว้าว พบว่ายังไม่มี ที่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะคงชัดเจนมากขึ้น

 แต่หากดูสภาพการณ์ของเพื่อไทยในปัจจุบัน จะพบว่า การที่จะเอาใครขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ-ผู้นำพรรคเพื่อไทย มีกำแพงทางการเมืองที่สูงไม่น้อยคอยกีดขวางทางอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น

หนึ่ง-หากเอาคนในเครือข่ายครอบครัวชินวัตร ดันขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ อีกครั้ง คงไม่พ้นถูกวิจารณ์-โดนหยันทางการเมืองว่า เพื่อไทยยังคงเป็นแค่บริษัทจำกัดของครอบครัวทักษิณ เป็นพรรคชินวัตร

หมดจากแพทองธาร ก็เอาคนในครอบครัวคนอื่นดันขึ้นมาแทน ยิ่งถ้าไปดัน พินทองทา ชินวัตร หรือเอม หรือลูกเขยทักษิณ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็ยิ่งทำให้เพื่อไทยภาพลักษณ์ติดลบยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ หลังที่ผ่านมาทั้ง 2 คนไม่เคยแสดงท่าทีสนใจเรื่องการเมือง รวมถึงไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ ทางการเมือง มันก็ทำให้หากฝืนดันขึ้นมา การยอมรับในวงกว้างคงเกิดขึ้นได้ยาก หรือหากจะดัน ศ.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกสาวเจ๊แดง เยาวภา และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลังก่อนหน้านี้ รัฐบาลเพื่อไทยเคยตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และเคยมีชื่อจะมาเป็น รมว.ศึกษาธิการ ในช่วงปรับ ครม.รัฐบาลแพทองธาร ซึ่งแน่นอนว่าด้วยดีกรี-โปร์ไฟล์การศึกษาและการทำงานถือได้ว่าไม่ธรรมดา ทำงานใหญ่ให้ประเทศได้สบาย แต่หากจะดันชิงแคนดิเดตนายกฯ เลย และยิ่งหากดัน หลังหาใครไม่ได้ ก็ทำให้เพื่อไทยไม่พ้นถูกมองว่า เป็นพรรคครอบครัวชินวัตร จะกลายเป็นจุดอ่อนในการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ตอบโจทย์สำหรับการเมืองสมัยใหม่ 

สอง-ด้วยความที่คนรู้กันทั้งประเทศว่า ทักษิณแม้ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในเพื่อไทย แต่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง ที่คอนโทรลทุกอย่างในพรรคเบ็ดเสร็จ จุดนี้ก็ทำให้ “คนนอกพรรคเพื่อไทย” ที่อาจเป็นคนในแวดวงธุรกิจ-นักวิชาการ-คนมีชื่อเสียงในสังคม หากได้รับการทาบทามให้เข้าพรรคเพื่อไทยและจะดันเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็อาจคิดหนัก เพราะไม่อยากเสียความเป็นตัวของตัวเอง ถ้าต้องคอยรับคำสั่งจากทักษิณและคนในครอบครัวชินวัตร อีกทั้งหนีไม่พ้นถูกมองว่าเป็นแค่นอมินี-หุ่นเชิด จึงน่าจะทำให้ต้องคิดหนักพอสมควร เพราะกรณี เศรษฐา ทวีสิน ที่ผันตัวจากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ชื่อนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ตัวเศรษฐามีคอนเน็กชันการเมืองและธุรกิจกับคนของเพื่อไทยระดับหนึ่ง เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงทำให้ตอบรับได้ไม่ยาก ส่วนคนอื่นๆ อย่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. อดีตแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยตอนเลือกตั้งปี 2562 ก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะโอกาสเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งไม่ค่อยสดใส สู้ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกรอบช่วงกลางปี 2569 ยังชัวร์เสียกว่า จึงไม่แปลกที่ชัชชาติจะปฏิเสธข่าวคัมแบ็กเพื่อไทย โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ตามสไตล์เอาชัวร์ดีกว่า

สาม-หากมาลงแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เวลาหาเสียงหรือไปขึ้นเวทีดีเบตช่วงเลือกตั้ง การที่ 2 ปีของรัฐบาลเพื่อไทย ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม ที่สำคัญนโยบายเรือธงหลายเรื่องของเพื่อไทยตอนหาเสียงและตอนเป็นรัฐบาล ไม่สามารถทำได้ หรือพยายามทำแล้วแต่ปลดล็อกปัญหาหน้างานไม่ได้ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต เอาแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว จากที่เพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้เงินหมื่นทุกคน แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ อีกทั้งที่แจกไป 2 รอบล้มเหลว ไม่เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นถึงการคิดนโยบายที่ไม่ละเอียด สุกเอาเผากิน จุดนี้จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยเจอปัญหาตอนหาเสียง-ขึ้นเวทีดีเบต แล้วตอบไม่ได้ว่า เลือกเพื่อไทยไป สิ่งที่หาเสียงไว้จะทำได้จริงหรือไม่ และพรรคคู่แข่งจะเอาประเด็นนี้ไปดิสเครดิตอย่างหนัก ถ้าแก้ลำไม่ได้ก็ดับสนิท 

ทั้ง 3 จุดคือกำแพงสูงทางการเมือง ที่น่าจะทำให้การหาตัวแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยเจอปัญหาพอสมควร โดยเฉพาะพวกคนนอกคงต้องคิดหนัก ที่ไม่แน่หากสุดท้าย เพื่อไทยหาใครไม่ได้จริงๆ ก็ต้องดันพวกรุ่นเก่าลายครามในพรรคสู้แทน!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

‘เอ็ดดี้’ จี้ ‘เพื่อไทย-ส้ม’ อย่าดีแต่ปาก กลัวอะไรอยู่ ยื่นซักฟอกเลย

  เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความว่า เห็นขู่กันฮึ่มๆ ว่าจะจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่น่าไว้วางใจ

‘ปลอดประสพ’ คาใจการทำงานของ ‘อนุทิน’ เกทับสู้ตัวเองสมัย สึนามิ-น้ำท่วมใหญ่ภาคกลางไม่ได้  

 ปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่าน้ำท่วมหาดใหญ่ มีเรื่องค้างคาใจ ผมเป็นรัฐมนตรีที่ผ่านภัยพิบัติใหญ่ที่แสนวิ