
แต่ประเทศไทย รัฐมนตรีบางคนทำหน้าที่ได้แทบทุกกระทรวง แล้วก็มีเรื่องฉาวโฉ่ ทุจริตคอร์รัปชัน ถอนทุนคืน ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ นำไปสู่ความขัดแย้งวนอยู่ลูปเดิม
ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ปรากฏรายชื่อจำนวน 36 คน 42 ตำแหน่ง และเป็นไปตามโผ
นายอนุทินเตรียมจะนำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันพุธที่ 24 ก.ย.นี้ ก่อนจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ และจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่เกินวันที่ 1 ต.ค.
แม้รายชื่อ ครม.ที่มาจากคนนอกจะทำให้ภาพลักษณ์ ครม.อนุทิน 1 ดูดีขึ้นบ้าง แต่โฉมหน้า ครม.ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นการจัดสรรตามโควตาพรรคการเมือง จึงได้บุคคลที่่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่
และยังถูกวิจารณ์ว่าเป็น ครม.บุรีรัมย์โมเดล เนื่องจากรัฐมนตรีในโควตาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และคนนอก ส่วนหนึ่งเชื่อมโยงกับ บ้านใหญ่บุรีรัมย์ ของ นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทย อาทิ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม
หากเปรียบเทียบกับประเทศที่่เจริญแล้วหรือกำลังเดินหน้าพัฒนาประเทศ การแต่งตั้งรัฐมนตรีในตำแหน่งต่างๆ ต้องคัดเลือกจากบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญแต่ละด้านในระดับต้นๆ ของประเทศ เมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้วก็ผลักดันนโยบายที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
แต่ประเทศไทย รัฐมนตรีบางคนทำหน้าที่ได้แทบทุกกระทรวง แล้วก็มีเรื่องฉาวโฉ่ ทุจริตคอร์รัปชัน ถอนทุนคืน ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ นำไปสู่ความขัดแย้งวนอยู่ลูปเดิม
โดยเฉพาะการเข้าไปคุมกระทรวงที่มีปมร้อน เช่น คดีที่ดินเขากระโดง ที่ นายอนุทิน เข้าไปนั่ง รมว.มหาดไทยด้วยตัวเอง และ คดีฮั้ว สว. ที่ส่ง พล.ต.ท.รุทธพล เข้าไปนั่ง รมว.ยุติธรรม หากมีการใช้อำนาจปกป้องพวกพ้องตัวเอง จะกระทบต่อความศรัทธาของประชาชน และเปิดช่องให้มีการยื่นร้องเรียนเอาผิดได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนายอนุทินกำลังถูกจับตาว่าจะทำตามเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาลตามข้อตกลงร่วม หรือ MOA ระหว่างพรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 หรือไม่ นั่นคือ
นายกฯ คนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และพรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป
ขณะที่รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มทำงาน MOA บางข้อก็ล่มเสียแล้ว โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเรื่องการจัดทำประชามติว่า รัฐสภามีอำนาจริเริ่มการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องผ่านประชามติถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และ 2 อาจรวมทำครั้งเดียวกันได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เท่ากับปิดทางเลือกตั้ง ส.ส.ร.ทางตรง
การประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ มีตัวแทนจากพรรคการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือความคืบหน้าในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยการแก้ไขมาตรา 256 หมวด 15/1 แต่ปรากฏว่าพรรคภูมิใจไทยเบี้ยวไม่มาร่วมประชุม
และที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยก็มีจุดยืนขวางการแก้ไข รธน.มาโดยตลอด แม้จะมีอยู่ใน MOA ก็ใช้แท็กติกบิดพลิ้วได้ หรือหากจำต้องทำประชามติก็ทำให้ไม่ผ่านได้อีก
ในการโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ มีเสียงสนับสนุน 311 เสียง โดยมาจากพรรคประชาชน 143 เสียง ทั้งนี้ นายอนุทินยืนยัน เสียงรัฐบาลอยู่ที่ 146 เสียง เพื่อไม่ให้ผิด MOA
แต่ภายหลังนายอนุทินจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ เกิดความระส่ำระสายในพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งมี สส.ทั้งหมด 36 คน กลุ่มของ นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่เข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่ต้น มี 16 เสียง พร้อมย้ายมาซบ ภท. ล่าสุด กลุ่ม สส.ชุมพร นำโดย นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร ก็ยกทีมมาเข้าร่วม ภท.
กลุ่มของ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มี 3 เสียง ก็พร้อมย้ายมาซบ ภท. รวมทั้งกลุ่มของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย อดีต สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ที่่โหวตให้นายอนุทิน 9 เสียง และมีกระแสข่าวว่ามี สส.เพื่อไทยกว่า 40-50 เสียง ที่พร้อมย้ายมาซบ ภท.เช่นกัน
ในทางพฤตินัย รัฐบาลอนุทินจึงมีเสียงในมือมากกว่า 146 เสียง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้ และชี้แจงได้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าเท่านั้น
แต่ก็ยังมีความกังวลว่าจะมีการแปลงร่างจากเสียงรัฐบาลข้างน้อยไปเป็นเสียงข้างมาก นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีราย รองหัวหน้าพรรค ปชน. ระบุว่า "พรรคประชาชนมี 142 พรรคเพื่อไทยมี 141 อาจจะไปแล้ว 9 คน เหลือ 132 พรรคประชาชาติมีอยู่ 9 เสียง บวกกันดีๆ 280 กว่า จะเป็นเสียงข้างมากได้อย่างไร"
พรรคส้ม ถูกวิจารณ์ว่าตัดสินใจผิดพลาด เสียเหลี่ยมให้ พรรคสีน้ำเงิน เชื่อว่า MOA ล่มแน่ รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้แก้ ไม่ได้ยุบสภาใน 4 เดือน และยังดูด สส.มาเพิ่มอีก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. ยืนยันว่า "เป็นการตัดสินใจที่เราประเมินมาอย่างรอบคอบรอบด้านที่สุดแล้ว จะผิดจะถูกอย่างไร ขึ้นอยู่กับการทําหน้าที่ของพรรคประชาชน และการปฏิบัติตัวของพรรคการเมืองพรรคอื่นๆ"
ส่วน นายกฯ อนุทิน จะยุบสภาใน 4 เดือนหรือไม่ คงต้องรอให้ถึงไทม์ไลน์ แต่โดยธรรมชาติของรัฐบาล จะยุบสภาเมื่อเข้าตาจน หรือมีความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน
เมื่อสแกนไปที่พรรคการเมืองต่างๆ จะพบว่า พรรคส้ม กำลังถูกมวลชนตัวเองคลางแคลงใจ ยังถูกกล่าวหาว่าตระบัดสัตย์ กลายเป็นนั่งร้านให้ฝ่าย อนุรักษนิยม เข้มแข็ง ส่วนประชาชนทั่วไปก็หมดความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา วาทกรรม มีทหารไว้ทำไม ถูกหักล้างอย่างสิ้นเชิง การแสดงจุดยืนต่อการแก้ปัญหาความมั่นคงก็สวนทางความรู้สึกของประชาชนและกองทัพ
การเดินสายบรรยาย ปลุกกระแสรักชาติของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังเป็นไอดอลของเยาวชนคนรุ่นใหม่ สร้าง อุดมการณ์ชาตินิยม กลบแนวทางเสรีนิยมแบบพรรคส้มอย่างราบคาบ การชูธงแก้รัฐธรรมนูญ แก้ ม.112 จะไม่ส่งผลสะเทือนอีกต่อไปแล้ว ประเทศที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ ไม่มี ม.112 อย่างฝรั่งเศส เศรษฐกิจยังพังพินาศ ประชาชนเฉียดล้านคนประท้วงกันวุ่นวาย ประเทศเนปาลล้มระบอบกษัตริย์ ได้นักการเมืองมาสร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้นอีก จนเกิดจลาจล เผาบ้านเผาเมือง
ชุดความคิดและตรรกะของพรรคส้มกำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก ระยะเวลาที่เหลืออยู่ต้องเร่งแก้เกมและแสดงบทบาทอย่างไรที่จะเรียกคะแนนนิยมกลับมาได้เหมือนเดิม
แม้พรรคส้มจะเปิดเกมรุก โดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ปชน. ระบุว่า เวทีแถลงนโยบายมีการตั้งทีมเตรียมผู้อภิปรายแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่ 1.การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญาตามเงื่อนไข MOA 2.ตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม ทั้งกรณี ฮั้ว สว. และ ที่ดินเขากระโดง 3.ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 69 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง และ 4.ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อ ครม.
แต่หาก พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และหากปรากฏหลักฐานชัดว่ามีรัฐมนตรีไม่ซื่อสัตย์สุจริต และผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง แล้วพรรคประชาชนยังลงมติไว้วางใจเพียงเพื่อรักษา MOA กับรัฐบาล ก็จะหมดความชอบธรรมทางการเมืองทันที แต่หากลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย อาจถือว่าเป็นการละเมิด MOA ข้อตกลงต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาภายใน 4 เดือน ถือว่าเป็นโมฆะ
ในขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ กำลังประสบปัญหาภายใน ทั้งพรรคเพื่อไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ต้องเร่งจัดทัพกันใหม่ แต่ ภูมิใจไทย เป็นพรรคที่เป็นเอกภาพและเข้มแข็งที่สุด ยิ่งได้เป็นรัฐบาล คุมอำนาจรัฐ อำนาจทุน มีกระสุนดินดำ ท่อน้ำเลี้ยงไหลเข้ามามากมาย เหมือน หนูติดปีก ที่ได้เปรียบทุกพรรค
หากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคุกรุ่นยืดเยื้อ ยิ่งเข้าทางพรรคสีน้ำเงิน นายอนุทิน ย้ำตลอดจะไม่เสียดินแดนแม้ตารางเซนติเมตรเดียว โหนกระแสชาตินิยม อยู่เหนือพรรคส้มได้อย่างสบายๆ
ดังนั้น ภายใน 4 เดือนจะต้องยุบสภาตาม MOA จึงไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่จังหวะความได้เปรียบทางการเมืองสูงสุด โดยเฉพาะกระแสชาตินิยมกำลังพุ่งแรง เป็นโอกาสของพรรคสีน้ำเงินที่่จะคุมสถานการณ์และกำหนดเกมให้พรรคอื่นเดินตาม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’
พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
นายกฯอนุทิน เดินชมงานโอทอป วันแรก ก่อนเป็นประธานพิธีเปิด 22 ธ.ค.นี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย วันที่ 20 ธ.ค. เวลา 16.30 น. นายอนุทินใช้เวลาช่วงวันหยุดราชการเดินเที่ยวงาน OTOP City 2025 วันแรก ที่เมืองทองธานี ซึ่งงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-28 ธ.ค.68 โ
เลขาฯ ปชน. สุดมั่นใจกวาดครบทุกเขต 33 พื้นที่กรุงเทพฯ ใกล้เลือกตั้ง 'เท้ง' คะแนนพุ่ง
เลขาฯพรรคประชาชน มั่นใจ กวาดครบ 33 พื้นที่ กทม. แม้ผลโพลความนิยมพรรคประชาชนลดลง เหตุ หนุน "อนุทิน-ปัญหาชายแดน" เชื่อ เวลาที่เหลือสมามรถชี้แจงได้ โว ใกล้เลือกตั้ง "เท้ง" เจิดจรัสคะแนนนิยมพุ่งแน่ ปัดตอบจุดยืน 112 ห่วงขัดศาล รธน. ชี้ "ณัฐพงษ์" ยังไม่ปิดโอกาสจับมือ 100% แต่ต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้าน"กาย" ยัน คว้าชัยกทม.ได้แน่นอน
พรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์สัปดาห์หน้า เปิดตัวผู้สมัครสส.ครบทุกเขต-บัญชีรายชื่อ
ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.พรรคเพื่อไทยจะทำการเปิดอีเวนต์ใหญ่ คือ
'ชูวิทย์' ฟันธงเลือกตั้ง พรรคประชาชนต่ำ 100 ชี้เดินเกมผิดพลาดครั้งใหญ่
"ชูวิทย์" วิจารณ์ "ธนาธร" เลือกเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญผ่านพรรคภูมิใจไทยคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมคาดผลเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนอาจได้ สส. ต่ำกว่า 100 จากกระแสที่เปลี่ยนและความเชื่อมั่นที่ลดลง

