จันทร์นี้ 29 ก.ย. อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะนำทัพทีมคณะรัฐมนตรีเข้าห้องประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อทำการแถลง "นโยบายปกน้ำเงิน-การบริหารราชการแผ่นดิน" ของรัฐบาลอนุทิน
โดย "นายกฯ อนุทิน" จะทำการอ่านเอกสารนโยบายรัฐบาลตามเอกสารที่ส่งให้สมาชิกรัฐสภา ที่คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส.รัฐบาล-ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา จะลุกขึ้นอภิปราย-เสนอความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการอภิปรายให้ข้อเสนอแนะต่อนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ
การแถลงนโยบายรัฐบาลจะเสร็จสิ้นในวันอังคารที่ 30 ก.ย. ไม่เกิน 18.00 น. ตามที่วิป 3 ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านและ สว.ได้ตกลงกันไว้ และเมื่อการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ก็ถือว่ารัฐบาลอนุทินมีอำนาจเต็มในการเข้าบริหารประเทศตามรัฐธรรมนูญ ภายใต้สัญญาประชาคมทางการเมืองที่ อนุทิน-นายกฯ ยืนยัน จะเป็นรัฐบาลไม่เกิน 4 เดือน โดยจะยุบสภาฯ ภายในช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 จากนั้นก็จะต้องมีการจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน ที่คาดหมายกันว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2569 โดยระหว่างการเลือกตั้ง-การรับรองผลการเลือกตั้งของ กกต.และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง คาดว่าจะใช้เวลารวมกันประมาณเกือบ 4 เดือน ทำให้รัฐบาลอนุทิน ถ้าทุกอย่างเดินไปตามไทม์ไลน์ข้างต้น จะบริหารประเทศรวมประมาณ 7-8 เดือน ยกเว้นมีเหตุไม่คาดคิดทางการเมืองแทรกซ้อนขึ้นมากลางทาง การยุบสภาฯ ก็อาจเกิดขึ้นก่อนปลาย ม.ค.ปีหน้าก็ได้
เมื่อสถานภาพรัฐบาล เป็นรัฐบาลที่มีเวลาการทำงานไม่นาน นโยบายรัฐบาลจึงไม่ใช่นโยบายระยะยาว ที่จะสร้างภาพฝัน สร้างวิมานกลางอากาศว่าจะทำโน่นทำนี่ โดยเฉพาะการทำโครงการเมกะโปรเจกต์ หรือการเสนอพิมพ์เขียวแก้กฎหมายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาประเทศที่ใช้เวลานาน ทำให้นโยบายรัฐบาลอนุทินเป็นนโยบายแบบควิกวิน ทำเร็ว-เห็นผลเร็ว และเน้นตอบโจทย์แก้ปัญหาประเทศในระยะสั้น แต่หวังผลการเมืองระยะยาวควบคู่กันไปได้
กระนั้นพบว่า เวทีแถลงนโยบายรอบนี้ ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย หมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะเป็นเวที
“ไล่ถล่ม-เอาคืน-บดขยี้-เปิดแผลการเมือง-ตีจุดอ่อน”
ไปที่ตัวอนุทินและพรรคภูมิใจไทย รวมถึงรัฐมนตรีบางคนที่ฝ่ายค้านกังขาว่า ตั้งมาแบบไม่เหมาะสม อาจมีปัญหาด้านการยอมรับในตัวคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานจริยธรรม
"พรรคเพื่อไทย" โหมโรงเรียกน้ำย่อยไว้แต่หัววัน ผ่านเพจพรรคเพื่อไทย ที่โพสต์ข้อความระบุว่า
"4 เดือนยุบสภา หรือจะเป็น 4 เดือนยุบคดี 4 นโยบายรัฐบาลอนุทิน หรือจะเป็น 4 ข้อหายนะ? ขาดโอกาส ขาดคนมีฝีมือ ขาดความโปร่งใส ขาดอนาคตประชาธิปไตย รัฐบาลชุดนี้จะพาคนไทยเดินไปทิศทางไหน? 29-30 ก.ย. ร่วมจับตาแถลงนโยบายของรัฐบาล ไปด้วยกัน"
ตามข่าวบอกว่า รอบนี้เพื่อไทยจัดหนัก จัดทัพไว้แล้ว ทั้งรุ่นใหญ่-กลาง-หน้าใหม่รอแจ้งเกิด รวมกันแล้วร่วม 20 คน เพื่อยิงปืนใหญ่ใส่รัฐบาล อย่างรุ่นใหญ่ตามโผบอกว่าอาจได้เห็น สุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม อดีตประธานวิปฝ่ายค้าน-นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.สาธารณสุข-จาตุรนต์ ฉายแสง-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต รมช.การคลัง เป็นต้น
ส่วน พรรคประชาชน ที่ถูกจับตามองว่า จะอภิปรายนโยบายรัฐบาลเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน หลังเป็นนั่งร้านการเมือง โหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ และมีแนวโน้มอาจจะมีการจับมือกันหลังเลือกตั้ง เพื่อตั้งรัฐบาลร่วมกัน เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าพรรคประชาชนไม่ได้ สส.เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ทำให้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ โดยหลังอนุทินแถลงนโยบายเสร็จสิ้นลง พรรคประชาชนจะส่งแกนนำขึ้นอภิปรายต่อทันทีและสลับกับ สส.สมัยแรกเป็นระยะ
ซึ่งคีย์แมนตัวหลักที่จะอภิปรายก็ เช่น ศิริกัญญา ตันสกุล ที่อภิปรายภาพรวมนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้งบประมาณปี 2569 ที่จะเริ่ม 1 ต.ค.นี้ ซึ่งรัฐบาลอนุทินจะได้ใช้เต็มๆ รวมถึงงบค้างจ่ายปี 2568 อีกหลายหมื่นล้าน ที่คงอภิปรายดักทางไม่ให้รัฐบาลใช้งบเพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง
รวมถึงการอภิปรายเพื่อขอถามความชัดเจนจากนายกฯ กลางสภาฯ ถึงการสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญและการทำประชามติตามกรอบเวลา 4 เดือน ซึ่งตัวหลักอภิปรายก็คือ พริษฐ์ วชิรสินธุ ส่วนการอภิปรายเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางคนที่เคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดสมัยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และปมที่มาที่ไปของรัฐมนตรีบางคนที่มาจากภาคเอกชนก่อนมาเป็นรัฐมนตรี ที่พรรคประชาชนมีอยู่หากเห็นว่าอภิปรายได้ คาดว่าประเด็นนี้คนที่จะอภิปรายจะมี เช่น ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ, ไอซ์ รัชนก ศรีนอก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การอภิปรายเรื่องตัวรัฐมนตรี อาจถูก สส.รัฐบาลหรือตัวรัฐมนตรีตัดบทว่า เป็นเวทีแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีข้อกังขาก็ให้ยื่นศาล รธน.ไต่สวนเรื่องมาตรฐานจริยธรรม หรือยื่นซักฟอกไปเลยเพื่อตัดบทฝ่ายค้าน
แต่ที่หลายคนจับตามองกันก็คือ การอภิปรายของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเพื่อไทยและบางพรรค เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม เป็นหัวหน้าพรรค ว่าจะมีการอภิปราย ตีแผลเก่า-ขย้ำจุดอ่อน ของอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ในเรื่อง เขากระโดง บุรีรัมย์ และคดีฮั้วการเลือก สว. หนักหน่วงแค่ไหน และจะอภิปรายได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะคาดว่าเมื่ออภิปรายทั้ง 2 เรื่อง จะถูก สส.ภูมิใจไทยขึ้นประท้วงตัดเกม รวมถึงน่าจับตาว่า หากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายซักถาม ที่ยังเป็นมือใหม่ทางการเมืองอย่าง พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม สายตรงเนวิน ชิดชอบ หากโดนอภิปรายรุกไล่หนักๆ เรื่องเขากระโดง-คดีฮั้ว สว. ทำนองว่า เนวินตั้งมาเพื่อให้มาเคลียร์เรื่องเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. ที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องทั้ง 2 เรื่อง เช่น การสอบปมอั้งยี่-ฟอกเงินในเรื่องการเลือก สว. แล้ว รมว.ยุติธรรม-อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จะเอาตัวรอดกลางสภาฯ ได้หรือไม่ มันอาจเป็นฉากร้อนที่สุดของเวทีแถลงนโยบาย
ที่คาดว่า เรื่องเขากระโดง-คดีฮั้ว สว. ทางเพื่อไทยกับ พ.ต.อ.ทวี อาจอภิปรายกะซวกอนุทิน-ภูมิใจไทย แบบใส่ไม่ยั้ง ฟาดทุกดอก ไม่มีออมมือ โดยแม้อนุทิน นายกฯ จะยืนยันว่า ภูมิใจไทยไม่มีการตั้งวอร์รูม ไม่มีเซตทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ไว้รอรับมือฝ่ายค้าน แต่ของแบบนี้ไม่ต้องตั้งทีม รับรองว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงเนวิน-บุรีรัมย์-ภูมิใจไทย ในเรื่องเขากระโดง คดีฮั้ว สว. และเรื่องส่วนตัวตระกูลชิดชอบ เมื่อไหร่ สส.สีน้ำเงิน โดยเฉพาะสายบุรีรัมย์ ประท้วงตัดเกมฝ่ายค้าน รับรองมีให้เห็น
รวมถึงอาจจะมี สว.บางส่วนอภิปรายให้ข้อเสนอแนะที่น่าสนใจ โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ และไม่แน่อาจมี สว.ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม สว.สีน้ำเงินใช้เวทีนี้ผสมโรงกับฝ่ายค้าน อภิปรายคดีฮั้ว สว.เพื่อแซะพวก สว.สีน้ำเงิน
เอาเป็นว่า 29-30 ก.ย. เวทีแถลงนโยบายรัฐบาล แม้ไม่ถึงกับเดือดระอุ ตายกันไปข้าง แต่งานนี้ไม่กร่อย ไม่จืดชืดแน่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพื่อไทยเตรียมฉายหนังม้วนเก่า หากได้ซักฟอก แขวะ 'อนุทิน' อย่ายุบสภาหนี
นายสมคิด เชื้อคง อดีตรองเลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทยไปประกาศที่สิงคโปร์ว่าประเทศไทยมีความมั่นคงทางการเมืองว่า นายอนุทิน พูดย้อนแย้งกับสิ่งที่ทำ จ
องค์ประชุมแก้ไขรธน.ล่ม
“อนุทิน” ออกแถลงการณ์ ยันไม่มีจับรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน งามหน้า! ประชุม กมธ.แก้ รธน.ล่ม ก่อนโหวตเคาะองค์กรทำ
ให้อภิปรายไม่ลงมติ นายกฯออกแถลงการณ์! ตอกยํ้ายุบสภาตามMOA
"นายกฯ" ออกแถลงการณ์สยบข่าวชิงยุบสภาหนีซักฟอก รับรู้ตัวเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยันเดินหน้าตาม MOA ลั่นหากยื่นอภิปรายเพื่อหาทางออก ปท.พร้อมชี้แจง "สุชาติ"
'อนุทิน' แถลงการณ์ สยบข่าวชิงยุบสภา พร้อมชี้แจงซักฟอก ไม่คิดจับ รธน. เป็นตัวประกัน
“อนุทิน” แถลงการณ์สยบข่าวชิงยุบสภาฯ รู้ตัวดีเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยืนยันเดินหน้าตาม MOA ไม่มีจับรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน แต่หากมียื่นอภิปรายเพื่อหาทางออกประเทศ พร้อมชี้แจง ย้ำปัญหาสแกมเมอร์ มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ รัฐบาลไม่ได้สร้างปัญหา แต่มาเพื่อแก้ปัญหา
'อภิสิทธิ์' แนะ 'นายกฯหนู' ควรยอมถูกซักฟอก คือความสง่างามของผู้นำระบอบประชาธิปไตย
'อภิสิทธิ์’ กระตุก ‘อนุทิน’ ขออย่าคิดว่าถูกยื่น ‘ซักฟอก’ คือการโดนด่าฟรี ควรยอมรับการตรวจสอบคือความสง่างามของผู้นำในระบอบประชาธิปไตย
“ทุ่นระเบิด-เชลยศึก”สู่โหมด“ไรดาร์” กับระเบิดเวลาเขตแดน“ได้-เสมอ-เสีย”
การดำเนินการตามถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา ซึ่งได้ลงนามกันทางมาเลเซีย โดยมี “โดนัลด์ ทรัมป์” นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยาน ในประเด็นร้อนเรื่องการถอนอาวุธ ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใส หรือมีคำถามเรื่องการปกปิด อำพรางซ่อนเร้นหรือไม่ อีกทั้งมีหลักประกันอะไรที่จะไม่มีการเคลื่อนย้ายอาวุธร้ายแรงที่เป็นภัยคุกคามกับไทยกลับมาอีก

