แก๊งสแกมเมอร์เขย่ารัฐบาล นายกฯหนูชิงยุบสภาหนี!

“เป็นการส่งสัญญาณว่า หากพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติอภิปราย ก็จะยุบสภาหนีก่อน เพราะหากยื่นญัตติแล้วจะไม่สามารถยุบสภาได้ และอ่านเกมแล้ว แม้พรรคประชาชนจะคาดหวังให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ให้สำเร็จก่อน"

ปัญหา แก๊งสแกมเมอร์ (Scammer) แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ กำลังเป็นปัญหาระดับนานาชาติ

การประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้พิจารณาร่างญัตติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติและอาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบผสมผสานต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เสนอโดยผู้แทนรัฐสภาไทยและชาติพันธมิตร ได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 2 ใน 3 ของที่ประชุม IPU จากสมาชิกกว่า 100 ประเทศ บรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วน

ก่อนหน้านั้นกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกายึดทรัพย์สิน บิตคอยน์ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.9 แสนล้านบาท ของ นายเฉิน จื้อ วัย 37 ปี ถือสัญชาติอังกฤษและกัมพูชา ผู้ก่อตั้งและประธาน บริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Group) ข้อหาสมคบคิดฉ้อโกงทางโทรศัพท์ และฟอกเงิน จากการที่กลุ่มบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจหลอกลวงโดยใช้แรงงานบังคับทั่วประเทศกัมพูชา และกำหนดให้กลุ่มบริษัท Prince Group เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมประกาศมาตรการคว่ำบาตร ตลอดจนบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 43 ราย

ขณะที่สหราชอาณาจักรได้ประสานงานกับสหรัฐ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามข้ามชาติที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากเครือข่ายนี้ และมุ่งมั่นที่จะทํางานร่วมกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนการปราบปรามศูนย์หลอกลวงและเครือข่าย

ด้านรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ นำโดยประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษบุกกัมพูชา หลังพบว่ามีชาวเกาหลีหลายร้อยคนถูกล่อลวงให้ไปทำงานใน “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์” และบางรายเสียชีวิตจากการทรมานในค่ายควบคุมของเครือข่ายอาชญากรรม

นายทอม ไรต์ อดีตผู้สื่อข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) ที่เคยตีแผ่อาชญากรรมทางการเงินกองทุน 1MDB ของประเทศมาเลเซีย เสนอข่าวบนเว็บไซต์เปิดโปงว่า มีชาวต่างชาติและบริษัทเกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงออนไลน์หรือการค้ามนุษย์ ซึ่งปรากฏชื่อของ “ยิม เลียก” ชาวกัมพูชา ประธานธนาคารพาณิชย์ในประเทศกัมพูชา หรือ BIC Bank และประธานกลุ่มบริษัท BIC Group กลุ่มทุนการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชาอยู่ด้วย

โดยรายงานว่า เว็บไซต์ BIC Group เคยปรากฏภาพของ “นายวรภัค ธันยาวงษ์” รมช.การคลัง ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีตำแหน่งที่ปรึกษากรรมการ และเผยแพร่เอกสาร ระบุว่า นางกนกพร สีตะวรารัตน์ หรือ นางกนกพร ธันยาวงษ์ ภรรยานายวรภัค ถือหุ้นในกองทุน CAI (Capital Asia Investment ของประเทศสิงคโปร์) ร่วมกับ นางแคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ที่มีรายชื่ออยู่ในร่างกฎหมายคว่ำบาตรกลุ่มสแกมเมอร์ของสหรัฐ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี (USDT) มูลค่าประมาณ 96.4 ล้านบาท (ราว 2.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ขณะที่ นายวรภัค ยอมรับว่าเคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคาร ชื่อ Mr.Leak Yim แต่ไม่เคยเป็นกรรมการ ส่วนภรรยาของตนไม่เคยรับเงินเป็นคริปโตฯ และไม่มีบัญชีคริปโตฯ ส่วนการเข้ามาซื้อหุ้นของ บล.ฟินันเซีย 420 ล้านบาท ไม่ใช่การจ่ายเงินสินบน แต่เป็นการชำระคืนเงินลงทุนเดิม

ประเด็นร้อนดังกล่าวทำให้ นายวรภัค ตัดสินใจลาออกจาก รมช.การคลัง เพื่อรักษาเสถียรภาพรัฐบาล ทำให้ลดแรงกดดันต่อรัฐบาลได้ระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่ข่าวอ้างว่า นายกฯ เกาหลีใต้จะเปิดเผย รายชื่อนักการเมืองไทย 7 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา

แม้สถานทูตเกาหลีในประเทศไทยออกมาปฏิเสธ แต่สังคมไทยก็อยากรู้ว่า 7 นักการเมืองไทยมีชื่อใครบ้าง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ากลุ่มนักการเมือง ข้าราชการไทย สมคบคิดกับกลุ่ม ธุรกิจสีเทา มาเนิ่นนานแล้ว

ที่เป็นข่าวโด่งดังคือ คดี นายตู้ห่าว และพวก โดนดำเนินคดีข้อหายาเสพติด-ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเมื่อปี 2565 ซึ่ง ตู้ห่าว เป็นเครือข่ายเดียวกับ เฉิน จื้อ มีสายสัมพันธ์แนบเน่นกับนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น ถึงกับประกาศว่า "มีเงินเยอะ ซื้อได้ทุกอย่าง"

ในที่สุดศาลก็ยกฟ้องตู้ห่าว กับพวก 19 คน เหตุพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ?
กลุ่ม จีนเทา และกลุ่มอาชญากรรมจึงเติบโต มีพฤติกรรมไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง เพราะมี เทาไทย ร่วมมือเป็น ลมใต้ปีก

ข่าวอื้อฉาววงการตำรวจ กรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ถูกไล่ออกจากราชการ กรณีรับเงินเว็บพนันออนไลน์ ขณะที่ลูกน้อง 8 นายก็ถูกให้ออกจากราชการจากการพัวพันพนันออนไลน์เช่นกัน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย กรณีถูกกล่าวหารับเงินจากขบวนการ “ส่วยเว็บพนันออนไลน์”

ข้าราชการในระดับตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานที่่มีหน้าที่ปราบปรามอาญชากรรม รับส่วยสินบนเสียเอง เป็นปัญหาระดับชาติขั้นวิกฤต เปรียบเสมือน เสาหลัก ของบ้านถูกปลวกกัดกินจนใกล้จะพัง!

ในยุคก่อน กลุ่มธุรกิจสีเทา จะส่งส่วยสินบนให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และกลุ่มการเมือง มี นอมินี แฝงอยู่ในอำนาจรัฐ ไว้อำนวยความสะดวกและปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากกระบวนการทางกฎหมาย

            แต่ปัจจุบันกลุ่มสีเทาเหล่านี้กระโดดลงมาเล่นเอง ลงเลือกตั้งได้เป็น สส.อยู่ในสภา บางคนมีตำแหน่งใหญ่โตทางการเมือง บางคนได้เป็นถึงรัฐมนตรีคุมนโยบายของรัฐ ส่วนนักการเมืองตัวย่อ "ช." ภาคใต้ รับเงินจากกลุ่มสแกมเมอร์นั้น ก็มีตำแหน่งอยู่ในสภาอันทรงเกียรติ  

การที่ กลุ่มอาชญากรรม รุกคืบเข้ามาอยู่ในอำนาจรัฐ เป็นสัญญาณอันตรายต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นภัยสังคม แต่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ หากไม่เร่งสะสางจะสะเทือนทั้งโครงสร้างประเทศ

จีนเป็นประเทศที่ตามล่าแก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เกาหลีใต้ สหรัฐ อังกฤษ เริ่มเอาจริง ใช้มาตรการทางกฎหมายฟอกเงิน อายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องนับแสนล้านบาท แต่ประเทศไทยเพิ่งอายัดทรัพย์ได้ 70 ล้านบาท

นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้เข้าพบกับนายกฯ อนุทิน เพื่อหารือถึงแนวทางความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลเครือข่ายสแกมเมอร์กับสหรัฐ และช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนจะมีคณะผู้แทนจากสหรัฐเดินทางมาหารือเรื่องสแกมเมอร์กับนายกฯ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม

นายกฯ อนุทิน ตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประกาศเป็น วาระแห่งชาติ สั่งเพิกถอนสัญชาติ นายพัด สุภาภา หรือ ลียง พัด บุคคลสัญชาติไทย ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ฉ้อโกงประชาชนจนถูกสหรัฐคว่ำบาตร

ต้องสืบสาวให้ลึกลงไปว่ามีบุคคลในเครือข่าย ญาติพี่น้อง ใครบ้างที่ได้สัญชาติโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐคนใดรับประโยชน์ แล้วดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

            ที่สำคัญ นายกฯ อนุทิน จะมีความกล้าหาญจัดการนักการเมืองที่พัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติแค่ไหน ลำพังพูดขึงขังคงไม่พอ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า "พูดแล้วทำ" ตามสโลแกนของพรรคภูมิใจไทย และหากรัฐบาลไม่เอาจริง จะถูกกดดันจากนานาชาติในรูปแบบต่างๆ จึงเป็นโอกาสของนายอนุทินที่จะได้แสดงภาวะผู้นำ

ขณะที่เครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ ศูนย์หลอกลวงที่ตั้งอยู่ในกัมพูชาและเมียนมา ถูกปราบปรามอย่างหนัก กำลังย้ายฐานเข้ามายังประเทศไทย เจ้าหน้าที่รัฐไทยจะคัดกรองอย่างไร หากมีการรับส่วยสินบนธุรกิจสีเทาเหล่านี้ ก็กลับจะยิ่งทำให้เครือข่ายสแกมเมอร์เติบโตอีก

สาเหตุที่สำคัญเพราะกระบวนการยุติธรรมไทยล้าหลัง ล้มเหลว ต้นทางกระบวนการยุติธรรมผูกขาดการจับกุม สอบสวน สามารถบิดเบือนพยานหลักฐาน ทำผิดให้เป็นถูก ทำถูกเป็นผิด เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องได้ เปิดช่องให้ธุรกิจสีเทาติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐได้ง่าย ซึ่งต้องแก้ด้วยการปฏิรูปโครงสร้าง

            ล่าสุด สภาผู้แทนฯ เห็นชอบรายงานเรื่อง “การพิจารณาศึกษาการปฏิรูประบบราชการตำรวจ” ของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศแล้ว

แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างดังกล่าว นายกฯ อนุทิน คงไม่มีเวลาเอาไปคิด เพราะนับถอยหลังยุบสภาแล้ว คงต้องคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า

และต้องจับตาฝ่ายค้าน โดย พรรคเพื่อไทย จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ม.151 โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีบางคนที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และความล้มเหลวในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายกฯ อนุทินคงไม่ปล่อยให้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายแน่ ได้แบไต๋แล้วว่าอาจจะยุบสภาก่อนกำหนด วันที่ 31 ม.ค.2569 โดยระบุว่า "ถ้าผมอยากจะหนี ผมก็หนี ถ้าผมอยากจะอยู่ ผมก็อยู่ เพราะผมรู้ว่าวันสุดท้ายของผมถึงวันไหน แต่ถ้าเกิดดูแล้วมันไม่ไหว มันก็มีอำนาจของความเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่"

เป็นการส่งสัญญาณว่า หากพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติอภิปราย ก็จะยุบสภาหนีก่อน เพราะหากยื่นญัตติแล้วจะไม่สามารถยุบสภาได้ และอ่านเกมแล้ว แม้ พรรคประชาชน จะคาดหวังให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ให้สำเร็จก่อน แต่หากปล่อยให้อภิปรายรัฐมนตรีที่ พรรคประชาชน เคยอภิปรายแล้ว พรรคประชาชนไม่มีทางเลือก ก็ต้องลงมติไม่ไว้วางใจด้วย เพื่อสลัดภาพ ฝ่ายค้ำ รักษาความชอบธรรมทางการเมือง 

การถูกซักฟอกก่อนเลือกตั้งมีแต่จะส่งผลลบกับรัฐบาล นายกฯ ถืออำนาจอยู่ในมือ ฝ่ายค้านก็ถือญัตติซักฟอก จึงต้องจับตาเมื่อเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง วันที่ 12 ธันวาคมนี้ ฝ่ายใดจะชิงลงมือก่อนกัน!.