วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน จนเกิดความไม่แน่นอนว่าใน ‘โรดแมป 4 เดือน’ ที่รัฐบาลอนุทินวางไว้นั้น จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร การยุบสภาที่กำหนดไว้ว่าไม่เกิน 31 ม.ค.นี้ จะเคลื่อนมาเร็วขึ้นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่มีความแน่นอน และมีโอกาสว่าจะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาล คือกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ ณ ปัจจุบันได้พ้นจากมือของกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีทั้ง สส.และ สว.ร่วมกันจัดทำรายงาน และส่งต่อมายังประธานรัฐสภา เพื่อให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 10-11 ธ.ค.ที่จะถึงนี้
เนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านกรรมาธิการนี้ ก็เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือเค้าเดิมของเนื้อหาที่พรรคประชาชนได้เสนอ และรัฐสภาเห็นชอบให้เป็นร่างหลัก โดยประเด็นสำคัญที่สุดอย่างองค์กรที่ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็ถูกปรับแก้ให้เหลือเพียง ‘กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ’ จำนวน 35 คน ที่รัฐสภาเป็นผู้เลือก
รวมถึงแนวคิดสภาที่ปรึกษาซึ่งพรรคประชาชนเสนอให้มี ก็ถูกแก้ให้เป็น ‘กรรมาธิการรับฟังความเห็น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน’ จำนวน 35 คน ที่รัฐสภาเป็นผู้เลือกเช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อขจัดความกังวลว่า การให้ประชาชนมีโอกาสเข้าคูหาเลือกตั้งเพื่อคัดผู้สมัครเข้ามาเป็นกรรมาธิการ อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มิอาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง แม้จะเป็นการเลือกโดยอ้อม แต่กรรมาธิการเสียงข้างมากก็เลือกที่จะตัดออก
ตัวแปรสำคัญอยู่ที่สูตร ‘20 หยิบ 1’ คือกำหนดให้สมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส.และ สว.จับกลุ่มกัน 20 คน เพื่อเลือกกรรมาธิการยกร่างฯ ได้ 1 คน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และป้องกันการถูกครอบงำโดยเสียงข้างมากในรัฐสภา
กระนั้นเองก็ใช่ว่า ด่านต่อไปในการพิจารณาวาระ 2 ของรัฐสภาจะราบรื่น เพราะพรรคเพื่อไทยเองได้แสดงท่าทีชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับร่างของกรรมาธิการตั้งแต่เรื่องการไม่มี ‘สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ’ หรือ ส.ส.ร.ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ยึดโยงกับประชาชน หรือกระทั่งสูตร 20 หยิบ 1 ที่พรรคเพื่อไทยห่วงว่า จะทำให้เกิดกรรมาธิการยกร่างฯ ที่มาจากการ ‘ล็อกสเปก’ โดยเสียงข้างมาก
สส.จากพรรคเพื่อไทยจึงได้สงวนความเห็นและแปรญัตติในประเด็นดังกล่าว หมายถึงจะนำประเด็นเหล่านี้เข้าไปอภิปรายในการประชุมรัฐสภา ซึ่งประเมินดูแล้ว น่าจะทำให้การประชุมใช้เวลาค่อนข้างมาก มีความเสี่ยงว่าจะไม่จบภายใน 2 วัน อีกทั้งผลการลงมติในวาระ 2 อาจไม่เป็นเอกภาพ เพราะพรรคเพื่อไทยได้ตั้งท่าค้านเต็มที่
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ ระบุว่า แม้สุดท้ายแล้วเสียงพรรคเพื่อไทยจะสู้ไม่ได้ แพ้โหวตวาระ 2 แต่ก็ต้องแสดงความเห็นคัดค้านให้ประชาชนรับทราบ อย่างไรก็ตาม แม้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านวาระ 2 ได้ แต่คงผ่านวาระ 3 ยาก เพราะติดล็อกเสียง สว. 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง ที่ต้องร่วมเห็นชอบด้วย
“ประเมินแล้วเสียง สว.ไม่น่าจะให้ผ่าน เป็นการเบี้ยว MOA พรรคภูมิใจไทยจะอ้างทำเต็มที่แล้ว แต่เสียง สว.ไม่ให้ผ่าน เพราะไม่สามารถควบคุมเสียง สว.ได้” นายประยุทธ์กล่าว
ท่าทีเช่นนี้ของพรรคเพื่อไทยโยนความกดดันไปที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ในฐานะที่ทั้ง 2 พรรคต้องรับผิดชอบ MOA เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยกัน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยยังไม่รับประกันว่า หากพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 และ 3 แล้ว จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ซึ่งคาดการณ์ได้ว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะรอให้จบวาระ 3 ก่อนแล้วค่อยยื่น เพื่อป้องกันข้อครหาว่าเตะถ่วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากฝ่ายภูมิใจไทยก็ยืนยันเสียงแข็งว่า หากยื่นอภิปรายเมื่อไร ก็พร้อมยุบสภาทันที
ดังนั้นโจทย์ต่อมาที่น่าห่วงคือ จังหวะเวลาของการยื่นอภิปราย และการยุบสภา เพราะเมื่อรัฐสภาพิจารณาวาระ 2 เสร็จสิ้น จะต้องเว้นวรรคออกไปอีก 15 วัน ก่อนจะประชุมรัฐสภาอีกครั้งเพื่อพิจารณาวาระ 3 ซึ่งหากนับถอยไปจากวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ช่วงเวลา 15 วันให้หลังก็จะตรงกับวันที่ 26 ธ.ค. อย่างเร็วที่สุด ยังไม่รวมถึงปัจจัยแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ความล่าช้าในการพิจารณาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งถือว่าใกล้กับเส้นตายยุบสภา ตาม MOA
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ คาดว่า การพิจารณาวาระที่ 3 จะอยู่ในช่วง 29 ธ.ค. ซึ่งถือว่าเสร็จก่อนช่วงเวลาปีใหม่ ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลส่งสัญญาณถึงประชาชนที่รอคอยกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญว่า จะเป็นอย่างไร จะแล้วเสร็จทันสิ้นปีจริงหรือไม่ เนื่องจากจะสัมพันธ์กับการตั้งคำถามประชามติ
นายณัฐวุฒิย้ำด้วยว่า ไม่ได้ละเลยปัจจัยความเสี่ยงว่า อาจมีการปล่อยให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านในวาระ 2 ก่อน แล้วค่อยยุบสภาในช่วงเวลา 15 วัน ก่อนพิจารณาวาระ 3 ซึ่งก็สอดคล้องกับความเห็นของนายประยุทธ์ ว่าโอกาสที่รัฐบาลจะใช้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แนวโน้มเช่นนั้น หากประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่รัฐบาลภูมิใจไทยกำลังซวนเซจากการประเมินวิกฤตน้ำท่วมผิดพลาด คงไม่อาจยอมให้มีการยื่นซักฟอกในห้วงเวลาไม่นานก่อนการหาเสียงเลือกตั้ง มิเช่นนั้นโอกาสได้กลับมาเป็นรัฐบาลต่ออีก 4 ปี ก็ริบหรี่เต็มที.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้
ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง
อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก เหนือ-อีสาน-กลางอุณหภูมิลดลง
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล


