แก้รธน.วาระ2เร่งสรุปเนื้อหา วัดใจวาระ3ก่อนกดปุ่มยุบสภา

ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพุธที่ 10 ธ.ค. และครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…พุทธศักราช...ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว วาระ 2

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กรรมาธิการฯ พิจารณาเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 8 มาตรา ข้อย่อย 39 ข้อ โดยในประเด็นข้อย่อยจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้แก่ กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชนในการร่างรัฐธรรมนูญ

กรรมาธิการฯ ส่วนใหญ่ได้สงวนความเห็นไว้ ขณะที่สมาชิกรัฐสภาที่เสนอคำแปรญัตติมีทั้งหมด 6 คน ซึ่งรายละเอียดเป็นเพียงประเด็นปลีกย่อย เช่น การเปิดโอกาสให้นักการเมืองเข้าไปเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นได้ โดยไม่ต้องเว้นระยะการพ้นตำแหน่งมาก่อน และกำหนดข้อห้ามคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารมาเป็นกรรมาธิการ ทั้ง 2 คณะ เป็นต้น

ถือเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของสังคม โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ที่จะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องข้อจำกัดของกฎหมายบางประการ รื้อผลพวงที่เป็นมรดกจากคณะรัฐประหาร ขยายกรอบเนื้อหา ตีความตามยุคสมัย หากร่วมแรงร่วมใจผลักดัน ตั้งเป้ามุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน

พรรคประชาชน ซึ่งเป็นหัวหอกหลักในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด ถึงขั้นต้องเซ็นเอ็มโอเอสัญญากับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากต้องการให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทันกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะหมายมั่นว่า หากไม่มีกฎหมายเดิมขวาง หรือไม่ติดเรื่องเงื่อนไขใด ที่เป็นข้อแม้ของบางฝ่ายการเมือง และยังได้คะแนนเสียงมากเพียงพอตั้งรัฐบาล ก็จะมีนายกรัฐมนตรีสีส้ม ไม่พลาดซ้ำรอยแบบคราวปี 66

ก่อนหน้านี้แม้จะดูเบาใจได้บ้าง ในเรื่องจังหวะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย หรือคําขู่ยุบสภาของนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยแล้วก็ตามในขั้นแรก

แต่เมื่อก้าวเข้าสู่เวทีในชั้นของกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ที่เกิดวิวาทะมากที่สุด ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อหามากมาย จนแทบไม่เหลือเค้าลางเดิมจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาชน ทั้งที่ถูกเลือกให้เป็นร่างหลัก

โดยเฉพาะสูตร 20 หยิบ 1 เพื่อเลือก "คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ" ซึ่งจะเป็นผู้ทำหน้าที่เข้ามายกร่างฉบับใหม่ ถูกจับตามากที่สุด เพราะเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่พรรคประชาชนพยายามยึดไว้ตามเดิม รวมถึงยังอยากให้ ‘สภาที่ปรึกษาร่างรัฐธรรมนูญ’ คงอยู่

ขณะที่พรรคเพื่อไทย จ้องจะสงวนความเห็นในหลายมาตรา เพื่อให้คล้ายฉบับของตัวเองในตอนที่เสนอแล้วถูกปัดตกไป หวังปรับแก้ในส่วนที่ยังกังวลใจอาจจะมีการจัดตั้งกัน เพื่อให้สามารถใช้เป็นข้อแก้ต่าง เมื่อต้องเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้งจริง

ฝ่ายนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเสียง สว.สีน้ำเงิน ก็พร้อมร่วมอภิปรายด้วย ในฐานะผู้สงวนคำแปรญัตติ กรณีวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภา และอำนาจ สว.ในการลงคะแนนแก้รัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้คงไว้ตามรัฐธรรมนูญปี 60 จะต้องมีเสียง สว. 1 ใน 3 เหมือนเดิม ส่วนประเด็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสูตรที่ให้สมาชิกรัฐสภา 20 คน เลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1 คนนั้น ตนและเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ ไม่ได้ติดใจ

กระแสข่าวหนาหูที่โผล่เข้ามาก่อนใกล้วันเริ่มพิจารณาว่า รัฐบาลอาจมีการเสนอญัตติโดยใช้มาตรา 155 หรือ 165 ในการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติของรัฐสภา ซึ่งอาจทําให้ไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ตรงตามเอ็มโอเอ และเป็นผลให้ฝ่ายค้าน เช่น พรรคเพื่อไทย หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะล่มไปด้วยได้

"อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ถามสื่อมวลชนกลับว่า "ใครพูด" เมื่อถูกถามถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญและยุบสภา จะเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิม เนื่องด้วยเงื่อนเวลาขณะนี้ก็จบเดือนมกราคมอยู่แล้ว แต่สำหรับตน ต้นเดือน กลางเดือน หรือปลายเดือนไม่มีความหมาย รวมถึงยังมีขั้นตอนการทำคำถามประชามติเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญด้วย ตนจึงบอกว่า เป็นความร่วมมือของ สส.และ สว. ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะถึงจุดนี้แล้วไม่อยากให้ปล่อย แต่ยังไม่วายเอ่ยถึงอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่พูดถึงตรงๆ อีก

"แต่ถ้าเขาไม่อยากให้อยู่ครบแล้วไม่อยากให้เกิดรัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้องไปโทษกับคนที่คิดเช่นนั้น พรรคประชาชนต้องไปหาคำตอบจากฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย" นายอนุทินกล่าว

ด้าน "ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะดูไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ จากการให้ความเห็นกรณีข้างต้นว่า การยื่นญัตติในลักษณะนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถทําได้ ตนเองคงไปตอบแทนไม่ได้ว่า ควรหรือไม่ควรยื่น แต่หากจะต้องมีการเปิดอภิปรายขึ้นมาไม่ว่าเวทีใดก็ตาม โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคก็พร้อมทำหน้าที่

และ "ณัฐวุฒิ บัวประทุม" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ย้ำอย่างแน่นหนักว่า หากวาระ 2 พิจารณาเสร็จในวันที่ 11 ธ.ค. ก็จะสามารถพิจารณาวาระ 3 ได้ในวันที่ 27 ธ.ค.เป็นต้นไป แต่หากวาระ 2 พิจารณาเสร็จในวันที่ 12 ธ.ค. ก็จะเป็นวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งพรรคประชาชนก็ได้แจ้ง สส.ของพรรคว่า ให้สแตนด์บายในวันเสาร์ที่ 27 ธ.ค. และวันจันทร์ที่ 29 ธ.ค. ซึ่งอาจจะมีการเปิดประชุม

เนื่องจากยังมีข้อกังวล หากเปิดประชุมล่าช้าหลังปีใหม่ จะทำให้การจัดทำประชามติอาจติดขัดเรื่องระยะเวลา และการทำประชาสัมพันธ์ แม้จะต่างเพียงสัปดาห์เดียว แต่การเปิดประชุมก่อนปีใหม่ กับหลังปีใหม่ มีผลต่อระยะเวลาในการตั้งคำถาม และการเตรียมทำประชามติ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจก่อนไปลงมติ ทั้งยังอาจจะกระทบกรอบเอ็มโอเอที่ได้มีการตกลงกันไว้ จึงอยากให้ทุกอย่างจบก่อนปีใหม่

อย่างไรก็ดี "พริษฐ์ วัชรสินธุ" สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ได้เตรียมญัตติเสนอให้ตั้งคำถามแรกว่า "ประชาชนเห็นด้วยให้มีการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่" และคำถามที่สองว่า "เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญที่ กมธ.พิจารณาหรือไม่" ซึ่งพรรคประชาชนจะเสนอญัตตินี้ ในวันเดียวกับที่มีการเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 โดยจะให้พิจารณาต่อในวันเดียวกันเลย เพื่อให้คณะรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้ ในการประชุม ครม.สัปดาห์ถัดไป

ไม่รู้ว่าการพิจารณาวาระ 2 ที่จะต่อเนื่องไปอีกวันหรือสองวันนี้ จะราบเรียบ ราบรื่น เพื่อหารือถกเถียงกันตามประสา หรือจะมีเกมใดที่ทำให้ไทม์ไลน์ และกระบวนการแปรเปลี่ยนไปอีกหรือไม่

เพราะอย่าลืมว่า เมื่อพิจารณาลงมติรายมาตราครานี้เสร็จแล้ว ยังจะต้องทอดเวลารอไปอีก 15 วัน ก่อนจะเป็นเกมวัดใจจริงในวาระ 3 ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์แท้จริงว่า "รัฐธรรมนูญฉบับใหม่" สามารถเริ่มต้นกระบวนการให้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ ก่อนกระแสลือส่งสัญญาณยุบสภา ช่วงกลางเดือน ม.ค.ปีหน้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โชว์หล่ออีกแล้ว 'เท้ง' ชี้สู้รบกัมพูชา แค่เดินอ้อมปัญหา ใช้กำลังทหารอย่าให้เกินขอบเขตป้องกันตัวเอง

"ณัฐพงษ์" ย้ำชีวิตทหาร-ประชาชน ไม่ควรมาสูญเสียกับสงคราม เตือนรัฐบาลต้องใช้กำลังทหารควบคู่การทูต พุ่งเป้ากดดันกัมพูชากลับมาทำตามข้อตกลง ชี้ต้องใช้การปราบสแกมเมอร์เป็นหัวใจ กวาดล้างชนชั้นนำระบอบ ฮุน เซน

‘อนุทิน’ นำปฏิญาณต่อต้านโกง ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย ต่อการทุจริตต่อไป

ที่ฮอลล์ 4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นป

ข้ามเส้นแดง“เผด็จศึกฮุน เซน” “เจ็บต้องจบ”ก่อนถูกห้ามมวย

การปรากฏตัวของขุนพล “มือขวา” ของ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “กัมพูชา” กำลังขยับเข้าสู่ปฏิบัติการเอาพื้นที่คืนจากไทย ที่เราได้ยึดมาได้ใน “สงคราม 5 วัน” ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

สส.แห่โชว์กึ๋นจัดการกัมพูชา

พรั่งพรูพรรคการเมืองระดมมันสมอง นำเสนอวิธีจัดการกับกัมพูชา "หัวหน้าเท้ง" การสงครามก็เก่ง สวมบทขงเบ้งแนะวิธีปิดเกม

'อนุทิน' ลั่นไม่เจรจาอีกแล้ว ย้อน 'อันวาร์' ต้องบอกกัมพูชาหยุดรุกราน ไม่ใช่ให้ไทยอดทนต่อไป

"อนุทิน" มั่นใจแสนยานุภาพกองทัพไม่ให้ใครรุกราน ปิดประตูเจรจากัมพูชา อยากหยุดปะทะต้องทำตามไทย บอกหน้าที่นายกฯรักษาประเทศ เมินโพสต์ “อันวาร์” ให้สองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ ตอกพยานต้องไปบอกคนรุกรานให้หยุด