
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี สส.เขตมากสุดคือ 33 เขต-33 เก้าอี้ พรรคประชาชนยังน่าจะมีโอกาสรักษาแชมป์ กทม.จากที่เคยทำได้ตอนเลือกตั้งปี 2566 สมัยเป็นพรรคก้าวไกล ที่กวาด สส.เขตไปถึง 32 คนจาก 33 เขตเลือกตั้ง โดยอีก 1 เขตที่ไม่ได้คือเขตที่ 20 ลาดกระบัง ซึ่งแพ้ให้กับเพื่อไทย คือ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีต รมช.มหาดไทย ไปแบบฉิวเฉียดแค่ 4 คะแนน
โดยแม้บางฝ่ายเชื่อกันว่า คนกรุงเทพฯ ไม่น่าจะเลือกพรรคประชาชนแบบถล่มทลายอีกแล้ว เพราะเลือกตั้งรอบนี้แตกต่างจากตอนปี 2566 ที่ตอนนั้นกระแสพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาแรง อีกทั้งเวลานั้นคน กทม.จำนวนไม่น้อยก็อยากให้เกิดการเปลี่ยนทางการเมือง ต้องการให้มีรัฐบาลใหม่ที่ไม่ใช่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จนเกิดกระแสเบื่อลุง ทำให้ก้าวไกล-พิธา สร้างกระแส มีเราไม่มีลุง-มีลุงไม่มีเรา จนโดนใจคนกรุงเทพฯ ทำให้ก้าวไกลชนะถล่มทลาย กวาด สส.เขต กทม.เกือบยกเมืองหลวง
ส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์กรุงเทพมหานครของก้าวไกลก็มาอันดับหนึ่ง กวาดคะแนนมาถึง 1,600,689 คะแนน อย่างไรก็ตาม คนกรุงเทพฯ ที่ชอบลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ ก็มีไม่น้อย ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติที่พลเอกประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็มาอันดับสอง 630,997 คะแนน ตามด้วยเพื่อไทย 600,267 คะแนน-ประชาธิปัตย์ 85,968 คะแนน-ไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 47,821 คะแนน-ชาติพัฒนากล้าที่ตอนนั้นมีกรณ์ จาติกวณิช ร่วมเป็นแกนนำพรรค ก็ได้มา 46,257 คะแนน-เสรีรวมไทย 42,952 คะแนน
ส่วนพรรคภูมิใจไทยของอนุทิน ชาญวีรกูล ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ กทม.แค่ 28,528 คะแนนเท่านั้น
เมื่อดูจากผลงานดังกล่าวของพรรคประชาชนตอนเลือกตั้งปี 2566 ผนวกกับช่วงหลังคะแนนนิยมในตัวณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน.พรรคประชาชน กระเตื้องขึ้น แม้ยังไม่พีกเท่าพิธา ขณะเดียวกันความรู้สึกของคน กทม.ที่เคยเลือกพรรคก้าวไกลตอนปี 2566 เพื่อหวังให้เข้าไปเป็นรัฐบาล แต่เมื่อยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเสียที ก็อาจรู้สึกยังค้างคา ต้องการให้พรรคส้มเข้าไปเป็นรัฐบาลให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกันไปเลยว่าพรรคประชาชนก็บริหารประเทศได้ ไม่ใช่เก่งแค่เป็นฝ่ายค้าน
ปัจจัยข้างต้นทำให้มองกันว่า คนกรุงเทพฯ จำนวนมากที่เคยเลือกก้าวไกลตอนปี 2566 ก็ยังน่าจะเลือกพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้
ผลจากความสำเร็จในสนามเลือกตั้ง กทม.ปี 2566 ที่ทำไว้สูง ทำให้รอบนี้พรรคประชาชน หากจะทำให้ดีขึ้น ก็คือต้องกวาดหมด 33 เขต และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ต้องได้มากขึ้น หากทำไม่ได้ตามนี้ ก็คือผลงานแย่ลง มันก็เป็นความกดดันของแกนนำพรรคประชาชนเองที่ต้องแบกความสำเร็จที่เคยทำไว้ไม่ให้มันลดลงมา เพราะหากได้ สส.เขตน้อยลงจากที่เคยได้ 32 คน และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ลดลง แม้ต่อให้ยังมาอันดับหนึ่ง พรรคประชาชนก็ต้องถูกมองว่า “กระแสตก”
โดยหากพรรคประชาชนยังกุมชัยชนะในสนาม กทม.ไว้ได้แบบเป็นกอบเป็นกำ คือไม่ต้องถึงกับได้เท่าเดิม 32 เก้าอี้ แต่หากได้สักอย่างต่ำ 25 ที่นั่งใน กทม. แล้วยิ่งหากภูมิใจไทยยังไม่ได้ สส.กทม.แม้แต่ที่นั่งเดียวเหมือนกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา 3 ครั้ง คือปี 2554-2562-2566 ก็เท่ากับพรรคประชาชนมีแต้มเหนือภูมิใจไทยร่วมกว่า 20 เสียงในสภาแล้ว และยิ่งหากทำได้เท่าเดิม คือได้มา 32 เขต หรือต่ำๆ สัก 30 ที่นั่ง และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใน กทม.ไปกว่าล้านคะแนน โดยที่ภูมิใจไทยไม่ได้ สส.กทม.เลย หรือได้แค่ 2-3 ที่นั่ง และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่แตะระดับ 5 แสนขึ้นไป มันก็ทำให้โอกาสที่ภูมิใจไทยจะเอาชนะพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้เหนื่อยแน่นอน
ดังนั้น หากอนุทิน-ภูมิใจไทย ต้องการชนะเลือกตั้ง ก็ต้องเน้นสนามเลือกตั้ง กทม.รอบนี้ให้หนักขึ้นกว่าตอนปี 2566 หรือไม่ก็ต้องหวังให้พรรคการเมืองที่มองไว้ว่าจะจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ที่กระแสใน กทม.กระเตื้องขึ้นหลังอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. สามารถเข้าไปแย่งคะแนนจากพรรคประชาชนในระบบปาร์ตี้ลิสต์ หรือแชร์เก้าอี้ สส.เขต กทม.จากพรรคประชาชนได้บ้าง เพื่อตัดแต้ม-ตัดคะแนนพรรคประชาชนใน กทม.
เพราะต้องไม่ลืมว่า จากปี 2566 มาถึงการเลือกตั้งปี 2569 บริบทการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่อาจทำให้การหาเสียงของพรรคประชาชนสร้างกระแสได้ไม่เหมือนเดิม เพราะเลือกตั้งรอบนี้ไม่มีเรื่องของการไม่เอาลุง ไม่เอาพรรคลุง-การไม่ให้เครือข่าย คสช.สืบทอดอำนาจแบบตอนเลือกตั้งปี 2566 แล้ว ส่วนจะชูธงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกรอบ คน กทม.ก็ไม่อิน เพราะจะไปแสดงออกเองผ่านการทำประชามติในวันเลือกตั้ง
ทำให้พรรคประชาชนต้องมีกลยุทธ์แคมเปญหาเสียงใหม่ๆ มาขายกับคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะแคมเปญที่เป็นหมัดน็อก ยิงทีเดียวเข้าเป้า คนกรุงเทพฯ ร้องว้าว ที่เชื่อว่าคงมีแน่ ไม่ใช่แค่ "มีเราไม่มีเทา” ที่ก็ได้เสียงตอบรับพอสมควร
ผนวกกับเป็นที่รู้กันดีว่า สนาม กทม.เป็นสนามปราบเซียน-คาดการณ์ยาก และมีพวก พลังเงียบ อยู่เยอะ คนกรุงเทพฯ จะตัดสินใจเลือกใครหรือพรรคไหน มีอยู่จำนวนมากที่ตัดสินใจกันในวันเลือกตั้งหรือช่วงสัปดาห์สุดท้าย และเป็นความจริงที่ว่า สนาม กทม. ตัวชี้ขาดใครแพ้-ใครชนะ อยู่ที่ปัจจัยหลักตัวเดียวเลยคือ กระแสในช่วงโค้งสุดท้าย ประมาณ 1-2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง
สำหรับศึกเลือกตั้งสนาม กทม.รอบนี้ มีหลายพรรคต้องการชิง สส.เขต และวางเป้าขอคะแนนปาร์ตี้ลิสต์จากคนกรุงเทพฯ ทำให้พรรคประชาชนในฐานะแชมป์เก่าเจอศึกหนัก ซึ่งคู่แข่งหลักๆ ก็คือ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ที่รอบนี้จะลงมาไล่บี้พรรคประชาชนใน กทม.อย่างเข้มข้น อีกทั้งก็จะมีบางพรรคที่ส่งคนลงชิงเช่นกัน ที่จะเป็นสีสันทำให้สนาม กทม.ลุ้นกันสนุกขึ้น แม้ดูฟอร์มแล้วน่าจะลุ้นยากกับการจะชนะในระบบเขต ไม่ว่าจะเป็น ไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เคยได้ฉายาเจ้าแม่ กทม.สมัยอยู่ไทยรักไทยและเพื่อไทย, รวมไทยสร้างชาติ ของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, พลังประชารัฐ ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ให้ วัน อยู่บำรุง เป็นหัวหน้าทีม กทม. พรรคเหล่านี้ถูกมองว่าเมื่อเทียบฟอร์มผู้สมัครและกระแสพรรคใน กทม.คงลุ้นยากกับการชนะในระบบเขต แต่จะเข้าไปแชร์คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็คงได้ไม่มาก แต่ก็ทำให้สนาม กทม.ไม่โดนผูกขาดโดยพรรคส้ม
และสำหรับ "พรรคสีน้ำเงิน-ภูมิใจไทย” ที่ต้องการชนะเลือกตั้ง เป็นพรรคอันดับหนึ่งเหนือพรรคประชาชน เพื่อให้มีความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลได้ทันทีหลังเลือกตั้ง ทำให้สนาม กทม. ภูมิใจไทยก็ย่อมคาดหวังไว้สูง ซึ่งศึกนี้มอบหมายให้ ศุภมาส อิศรภักดี รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นอดีต สส.กทม.ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย เป็นแม่ทัพคุมพื้นที่ กทม.ร่วมกับ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก็เป็นอดีต สส.กทม. 1 สมัย พรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม ศุภมาสห่างจากการเป็น สส.เขตมานานร่วม 20 ปี ส่วนเอกนัฏเป็น สส.เขต กทม. 1 สมัย ก็ตอนปี 2554 และตอนเลือกตั้งปี 2566 สมัยเป็นเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็รับผิดชอบพื้นที่ กทม. แต่พรรคก็ไม่ได้ สส.เขต กทม.แม้แต่คนเดียว
ที่สำคัญ เห็นประจักษ์ชัดว่าที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ ยังไม่เปิดใจให้กับพรรคภูมิใจไทย เห็นได้จากเลือกตั้งรอบล่าสุด คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ได้มาแค่ 28,528 คะแนน ตามหลังพรรคอย่าง ชาติพัฒนากล้า-เสรีรวมไทยด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนปี 2566 ภูมิใจไทยเป็นพรรครัฐบาล คุมกระทรวงสาธารณสุขในช่วงโควิดระบาดหนัก และ ก.คมนาคม กับ ก.การท่องเที่ยวฯ ส่วนอดีต สส.เขต กทม.ที่ย้ายมาจากพลังประชารัฐและก้าวไกล พอย้ายมาลงกับภูมิใจไทย หลายคนได้คะแนนแค่หลักพัน
กระนั้นเชื่อกันว่า ศึกเลือกตั้ง 2569 ภูมิใจไทยน่าจะมีโอกาสดีขึ้นในสนาม กทม.จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น คนละครึ่งพลัส ที่โดนใจคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ, สภาวะผู้นำประเทศของอนุทินในการรบกับเขมร ที่ให้ทหารลุยเต็มที่และไม่ยอมก้มหัวให้ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ และคนกรุงเทพฯ ที่ไม่เอาพรรคส้ม และพรรคแดง เพื่อไทย ก็มีตัวเลือกไม่มาก หากต้องการสกัดไม่ให้พรรคส้ม พรรคแดง เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคสีน้ำเงินจึงเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้มากสุด และยิ่งหากได้ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รมว.การคลัง กับศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ให้ภูมิใจไทย จะยิ่งทำให้พรรคหาเสียงได้ง่ายขึ้นกับคนกรุงเทพฯ-ชนชั้นกลาง แต่พบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากทั้งสองคน ซึ่งหากไม่มาคงมีผลกับภูมิใจไทยระดับหนึ่ง
สนามเลือกตั้ง กทม.ปี 2569 จึงไม่ง่ายสำหรับพรรคประชาชนในการป้องกันแชมป์ หลายเขตใน กทม. แกนนำพรรคอาจต้องลุ้นกันแบบลิ้นห้อยในวันเลือกตั้งก็เป็นได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ บทบาทใหม่ บนถนนการเมือง หวั่นใช้ทุนเทาซื้อเสียงเลือกตั้ง!
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง ประเทศไทย"กรุงเทพมหานคร"เป็นอีกหนึ่งสนามเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศจับตามองกันว่าผลการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 "พรรคประชาชน"
พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’
พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์
เตือน!ใช้สิทธิประชามติ 8ก.พ.เท่านั้นไม่ล่วงหน้า
"กกต." แจงลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขต “เลือกตั้ง สส.” ล่วงหน้า 1 ก.พ. แต่ “ประชามติ รธน.”
นายกฯอนุทิน เดินชมงานโอทอป วันแรก ก่อนเป็นประธานพิธีเปิด 22 ธ.ค.นี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย วันที่ 20 ธ.ค. เวลา 16.30 น. นายอนุทินใช้เวลาช่วงวันหยุดราชการเดินเที่ยวงาน OTOP City 2025 วันแรก ที่เมืองทองธานี ซึ่งงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-28 ธ.ค.68 โ
กกต. เริ่มเปิดลงทะเบียน 'เลือกตั้งล่วงหน้า' 1 ก.พ. ไม่รวมออกเสียง 'ประชามติแก้ รธน.'
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ณ หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีชื่อตามทะเบียนบ้านได้
พรรคเพื่อไทย จัดอีเวนต์สัปดาห์หน้า เปิดตัวผู้สมัครสส.ครบทุกเขต-บัญชีรายชื่อ
ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.พรรคเพื่อไทยจะทำการเปิดอีเวนต์ใหญ่ คือ

