พลังงานสั่งหามาตรการตรึงดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรหลังหมดโควต้าเม.ย.นี้

พลังงานจับตาราคาน้ำมันตลาดโลกยังสูง “สุพัฒนพงษ์”สั่งทุกหน่วยงานหามาตรการตรึงดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร หลังหมดโควต้าเม.ย.นี้ หวั่นประชาชนเดือดร้อน

21 เม.ย. 2565 – นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยได้หารือกับบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องโดยคาดการณ์ราคาช่วงเม.ย.-พ.ค. 65 ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงทรงตัวระดับสูงโดยเฉพาะดีเซลจะอยู่ในระดับ 140-150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และหากมีการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมราคาจะสูงขึ้นอีก ซึ่งทำให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพประชาชนจึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งหาทางลดผลกระทบโดยเฉพาะมาตรการตรึงดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.นี้

“มองราคาน้ำมันดิบดูไบทั้งปี 2565 ใกล้เคียง 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลและจะทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ทรงตัวระดับ 130-140 เหรียญต่อบาร์เรลถือว่าเป็นอัตราที่สูง รมว.พลังงานจึงมอบให้เร่งดูแลผลกระทบโดยเฉพาะการขึ้นดีเซลที่ให้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ศึกษาแนวทางว่าจะทยอยขยับขึ้นราคาอย่างไร เพราะหากขึ้นตามแผนเดิม คือ ขึ้นครึ่งหนึ่งในส่วนของราคาที่เกิน 30 บาทต่อลิตร ราคาจะไปอยู่ที่ราว 35-36 บาท/ลิตร ประชาชนก็จะเดือดร้อน” นายวัฒนพงษ์กล่าว

ขณะที่มาตรการช่วยมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ที่ ครม.เห็นชอบ คือช่วยเหลือในการน้ำมันกลุ่มเบนซิน ในรูปแบบรัฐร่วมจ่าย 50% ไม่เกิน 50 บาท/คน/วัน และไม่เกิน 250 บาท /คน/เดือนเป็นเวลา 3 เดือน พ.ค.-ก.ค. ทางกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) ได้เผยแพร่ข้อมูลในเว็บไซต์ ระบุว่าโครงการนี้ ใช้ชื่อว่า”วินเซฟ” ผู้มีสิทธิ์ เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก 106,655 ราย (ข้อมูลภายในวันที่ 22 มีนาคม 2565)

โดยการลดราคาจะผ่านปั๊มน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการ ที่มี แบนเนอร์“วินเซฟ” ในขณะที่วินมอเตอร์ไซด์ ตรวจสอบและ กดยืนยันสิทธิ ได้ที่แอป “เป๋าตัง” แล้วกดแบนเนอร์ “สิทธิวินเซฟ”และ ใช้สิทธิผ่านแอป “เป๋าตัง” และต้องมีการเติมเงินใน G-Wallet โดยภาครัฐช่วยจ่าย 50% ไม่เกิน 50 บาท/วัน ผู้ใช้สิทธิจ่ายเอง 50% โดยให้ยืนยันสิทธิ์ได้ตั้งแต่ 5 พ.ค.และใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 8 พ.ค.นี้

สำหรับฐานะเงินกองทุนน้ำมัน วันที่ 17 เม.ย.65 เงินกองทุนฯติดลบ 50,614 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 19,332 ล้านบาท บัญชีแอลพีจีติดลบ 31,282 ล้านบาท ส่วนการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่กองทุน ก้อนแรก 2 หมื่นล้านบาท จากกรอบวงเงินกู้ทั้งหมด 4 หมื่นล้านบาทนั้น ปรากฏว่า ในขณะนี้ยังไม่สามารถกู้ได้แต่อย่างใด ทางกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังอยู่ในระหว่างหารือ ว่าหากกู้ไม่ได้ ทางกองทุนฯจะดำเนินการอย่างไร เพราะที่ผ่านมา การที่กองทุนติดลบมูลค่าสูงก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ดูแลราคาดีเซลและแอลพีจี เพื่อลดผลกระทบของประชาชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พลังงาน แย้มจ่อหารือสรรพสามิต หวังใช้ภาษีช่วยอุ้มดีเซล

พลังงาน แย้มจ่อหารือสรรพสามิต หวังใช้กลไกภาษีช่วยอุ้มราคาดีเซล หลังกองทุนน้ำมันรับภาระอ่วม แบกต้นทุนทะลุ 5.30 บาท/ลิตร ลั่นยืนราคาได้แค่สิ้น มี.ค. นี้ หวั่นติดลบแสนล้านในเม.ย. 67

ครม.เห็นชอบลดภาษี 'น้ำมันดีเซล' 1 บาทต่อลิตร นาน 3 เดือน

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (16 มกราคม 2567) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ

กบน. เห็นชอบใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ตรึงดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร ถึง มี.ค.

มติ กบน. เห็นชอบใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ตรึงดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค.67 ตามมาตราการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล

ครม. ไฟเขียวมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน น้ำมันดีเซล-ก๊าซหุงต้ม-ค่าไฟ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน

กองทุนน้ำมันแย้มหากรัฐไม่ลดภาษีต่อ สามารถตรึงราคาดีเซลได้แค่ 1 เดือน

กองทุนน้ำมัน ยันตรึงดีเซลต่อขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐ หากไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษี จะมีศักยภาพรักษาราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ได้อีกแค่ 1 เดือน

สนพ. เผยราคาน้ำมันดิบ ก.ย.ปรับเพิ่มขึ้น สูงสุดในรอบ 9 เดือน

สนพ. เผยราคาน้ำมันดิบเดือน ก.ย. ปรับเพิ่มขึ้น สูงสุดในรอบ 9 เดือนของปี 66 เหตุจากการลดกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียจนถึงสิ้นปีนี้