โต้ทันควัน ‘คมนาคม -รฟท.’ ย้ำคดีโฮปเวลล์ได้ดำเนินการโดยเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม รวมทั้งยึดมั่นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก
21 มิ.ย.2565-รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่าสำหรับกรณีโฮปเวลล์ ในช่วงปี 2562 โดยองค์กรฝ่ายบริหาร รวมทั้งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการตรวจสอบโครงการโดยละเอียดปรากฏว่ามีความผิดปกติ ในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการ ขั้นตอนการทำสัญญา ขั้นตอนการบริหารสัญญา ขั้นตอนการ บอกเลิกสัญญา รวมถึงขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามดังนั้น หากกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยมิได้ใช้สิทธิตาม กระบวนการของกฎหมาย ก็ย่อมถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและ ประชาชน ในกรณีที่กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่
ทั้งนี้ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิตาม มาตรา75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อันเนื่องมาจากเหตุที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 5/2564 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2564ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด ครั้งที่ 18/2545เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 เรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย
อย่างไรก็ตามกรณีเช่นนี้จึงถือได้ว่ามีข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ อันทำให้ผลแห่งคำพิพากษาของศาล ปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่อ.221-223/2562ขัดกับ กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จากเหตุที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่ากรทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ดำเนินการในกรณีโฮปเวลล์โดยเป็นไปตาม บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม รวมทั้งยึดมั่นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย แล้ว