'จุรินทร์' จ่อประกาศยุทธศาสตร์ข้าว

"มัลลิกา" แจ้ง ผู้แทนสภา "จุรินทร์" เดินหน้าประกันรายได้ข้าวปี 3 ต่อเนื่อง "ข้าวตก-จ่ายส่วนต่าง" พร้อมเตรียมประกาศยุทธศาสตร์ข้าวพรุ่งนี้

4 พ.ย.2564 - นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าตามที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งกระทู้เรื่องข้าวในสภานั้น ขอเรียนให้ทราบว่าระหว่างที่ท่านพูดเป็นเวลาเดียวกันกับที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำลังทำ คือทำหน้าที่นำเสนอโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอยู่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้เป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรีโดยทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งช่วยชาวนาและประชาชน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีกำลังทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อยกระดับราคาข้าวซึ่งเกิดการแข่งขันค่อนข้างสูงมากขณะที่ราคาพืชเกษตรชนิดอื่นเราสามารถยกระดับราคาได้ทุกชนิด แต่ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่แข่งขันกันหลายประเทศ แต่รัฐบาลโดยนายจุรินทร์มีโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งช่วยเกษตรกรมา 2 ปี เกือบ 5 ล้านครัวเรือน โดยเกษตรกรได้ส่วนต่างจากราคาข้าวที่ตกต่ำนั้น ผ่านบัญชีของเกษตรกรเองปีนี้ก็เช่นกัน ขณะเดียวกันก็มีมาตรการเสริมที่นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องๆ เพื่อที่นอกจากช่วยเรื่องส่วนต่างที่จ่ายชดเชยให้ชาวนาแล้วยังช่วยด้านอื่นเสริมไปด้วย
 
นางมัลลิกา บอกว่า ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และรายละเอียดการจ่ายชดเชยตามโครงการประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต 2564/65 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 มติที่ประชุมเห็นชอบให้คงหลักการการกำหนดผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ แหล่งที่มาของราคา และการคำนวณราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเช่นเดียวกับโครงการประกันรายได้ ปีที่ 1 และปีที่ 2 โดยการคิดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงจะเฉลี่ยมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ราคาข้าวเปลือกที่กรมการค้าภายในสืบ ราคาข้าวเปลือกจากสมาคมโรงสี และราคาข้าวเปลือกที่คำนวณจากราคาข้าวสาร ซึ่งการคำนวณราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงจะใช้ราคารายวันย้อนหลัง 7 วัน จากทั้ง 3 แหล่งมาเฉลี่ย เพื่อให้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงที่ได้เป็นปัจจุบัน และที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงงวดที่ 1 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จะใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลังระหว่างวันที่ 5-14 ตุลาคม 2564 โดยได้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างข้าวแต่ละชนิด ดังนี้

• ข้าวเปลือกหอมมะลิ   10,864.23 บาท/ตัน ชดเชยตันละ  4,135.77  บาท
• ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่  10,407.75 บาท/ตัน ชดเชยตันละ  3,595.25  บาท
• ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี    9,947.87 บาท/ตัน ชดเชยตันละ  1,052.13  บาท
• ข้าวเปลือกเจ้า    8,065.38 บาท/ตัน ชดเชยตันละ  1,934.62  บาท
• ข้าวเปลือกเหนียว    7,662.53 บาท/ตัน ชดเชยตันละ  4,337.47  บาท

ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้ได้กำหนดราคาประกันที่ความชื้นที่ 15% เรียกข้าวแห้ง แต่ปัจจุบันเกษตรกรจะเกี่ยวสดและนำไปจำหน่าย ซึ่งจะมีความชื้นสูง ประมาณ 28% -30% เรียกข้าวเปียก เมื่อหักความชื้นตามน้ำหนักไปแล้วก็จะได้ราคาที่ใกล้เคียงกัน เช่น ข้าวเปลือกเจ้า เกษตรกรจำหน่ายได้ 6,200-6,400 บาท/ตัน เมื่อหักความชื้นแล้วก็จะเป็นข้าวแห้งที่ประมาณ 8,000-8,100 บาท/ตัน
 
สำหรับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 2 (เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 15-21 ตุลาคม 2564) และงวดที่ 3 (เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 22-28 ตุลาคม 2564) คณะอนุกรรมการฯรายงานรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่าจะได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2564 และเมื่อคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติแล้ว กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์จะได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รับทราบผ่านสื่อต่างๆ และเสียงตามสายในพื้นที่ให้เกษตรกรได้รับทราบโดยทั่วกันต่อไป อย่างเช่นทุกครั้งที่ทำมา
 
สำหรับการโอนเงินส่วนต่างงวดแรกตามโครงการประกันรายได้ปี 2564/65 ธ.ก.ส. จะดำเนินการได้ภายหลังจาก ครม. ได้รับทราบผลการหารือเกี่ยวกับอัตราต้นทุนเงินของ ธ.ก.ส. ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ซึ่งกรมการค้าภายในได้จัดให้ทำการหารือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 และจะได้นำเสนอในการประชุม ครม. เพื่อรับทราบในสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งกำลังทำงานกันอยู่ ต่างก็ทำงานแข่งกับเวลาเช่นกัน และเรียนให้ท่านทราบเพื่อแจ้งประชาชนด้วยว่าการจ่ายเงินชดเชยประกันรายได้ในปีที่ 3 หรือจ่ายส่วนต่างนั้นก็คงหลักการเช่นเดิม ที่ชาวนาท่านพอใจโดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันทำการหลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเช่นเดียวกับปี 1 และปี 2

"ส่วนการยกระดับราคาข้าวเราเตรียมประกาศยุทธศาสตร์ข้าวในวันศุกร์ ที่ 5 พ.ย. 2564 นี้ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ท่านจุรินทร์ นำเอง พร้อมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนอกจากนั้นได้สั่งการให้ทางกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทำงานเชิงรุก บุกตลาดส่งออกรายประเทศ และได้กำชับกรมการค้าต่างประเทศ ติดตามสัญญาซื้อข้าวจากประเทศจีนอย่างเร่งด่วน นอกจากนั้นยังประสานผ่านท่านทูตจีนประจำประเทศไทยเพื่อประสานงานเร่งรัดสัญญาเดิมนี้ที่ยังคงค้างอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อระบายข้าวที่มีในสต๊อกออกไปให้มากและเร็วที่สุด" ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โหวตงบ67วันโลกาวินาศ สะท้อนเสถียรภาพฝ่ายค้าน?

หลังเสร็จสิ้น ภารกิจเดินทางมาราธอน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางเยือนต่างประเทศร่วมเกือบ 2 สัปดาห์ ภารกิจกลับเชียงใหม่ บ้านเกิดในรอบ 17ปี

ปชป. พร้อมซักฟอก นโยบายประกาศแล้วไม่ทำ-ดิจิทัลวอลเล็ต-หลักนิติรัฐ

นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอ

'ภูมิธรรม' แย้มฮ่องกงยืนยันจะนำเข้าข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง

สร้างความเชื่อมั่น“ภูมิธรรม” ลุยโกดังข้าวฮ่องกง ขอบคุณอุดหนุนข้าวไทย ย้ำข้าวไทยมีคุณภาพ-มาตรฐานสูง ในฐานะผู้ส่งออกข้าวเบอร์หนึ่งไปฮ่องกง ด้านฮ่องกงยืนยันจะนำเข้าข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง

รัฐบาลปลื้ม ‘ข้าวไทย’ กระแสตอบรับดีในงานแสดงสินค้า Gulfood 2024 ที่ดูไบ

โฆษกรัฐบาล เผย ข้าวไทยกระแสตอบรับดีในงานแสดงสินค้า Gulfood 2024 ที่ดูไบ เชื่อมั่นเพิ่มมูลค่าตลาดข้าวไทยในตะวันออกกลาง รัฐบาลวางแนวทางส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยตลอดปี