ไทยลงนามความร่วมมือกับปูซาน หวังเพิ่มมูลค่าการค้าทะลุ 200,000 ล้านบาท

นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนขับเคลื่อนนโยบายการค้าระหว่างประเทศ สู่การลงนามความร่วมมือระหว่างไทย-ปูซาน หวังเพิ่มมูลค่าการค้า เป็น 200,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี

24 ก.ค. 2565 – นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด้านการค้ากับประเทศพันธมิตรกลุ่มเมืองรองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง และนำไปสู่การลงนามความร่วมมือระหว่างไทย-ปูซาน เชื่อมั่นการทำ MOU ไทย-ปูซานจะเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดัน Soft power และการส่งออกของไทย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศเพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งการเจรจาการค้าในเวทีระดับโลกและภูมิภาคในหลายรูปแบบ ส่งผลให้เกิด ความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรเมืองหลัก และเมืองรองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง อาทิ มณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู่ ประเทศจีน เมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น หรือรัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย เป็นต้น โดยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการค้า (Memorandum Of Understanding : MOU) หรือ Mini FTA ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจปูซาน หรือ Busan Economic Promotion Agency (BEPA) สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) โดยมีนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และนายจิน ยาง-ฮยอน ประธาน BEPA เป็นผู้ลงนามฝ่ายเกาหลีใต้ ทั้งนี้ เมืองปูซาน เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศเกาหลีใต้ เป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ ทําให้ปูซานมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นท่าเรือที่รองรับการส่งออกสินค้าไทยไปยังเกาหลีใต้มากที่สุดจึงถือเป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก

อีกทั้ง ปูซานตั้งเป้าเป็นเมืองอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ และจะมีการจัดงานภาพยนตร์นานาชาติและงานแสดงสินค้าเกมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยตั้งเป้าว่าการลงนามในครั้งนี้ จะสร้างมูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นจาก 75,000 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 200,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี รวมถึงเป็นโอกาสขยายความร่วมมือทางด้าน ภาพยนตร์ เกม และ soft power ทางวัฒนธรรมของไทยต่อไป

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการยกระดับความร่วมมือของทั้งสองประเทศทั้งความสัมพันธ์ทวิภาคี พหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจด้วยสินค้าบริการ และมีโอกาสต่อยอดเพิ่มพูนความร่วมมือด้าน soft power ของไทย ที่จะส่งผลให้ไทยได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป” นายธนกรกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธนกร' ดีใจเทศกาลสงกรานต์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ธนกร” ดีใจ เห็นทุกพรรคการเมืองร่วมเล่นน้ำสงกรานต์สนุกสนาน ปลื้ม คนแน่น ทุกภาคทั่วไทย ชี้ เป็นเทศกาลแห่งความสุข สร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวพุ่งกระฉูด หนุน รัฐบาล-ททท. ลุยดึงนทท.ต่างชาติเข้าไทยทะลักตามคาดกว่า8.3 ล้านคน สร้างรายได้รวมด้านท่องเที่ยวกว่า 6 แสนลบ.

'ธนกร' ซัด 'กัณวีร์-ฝ่ายค้าน' ส่อจุ้นกิจการภายในเมียนมา ระวังคำพูดกระทบความมั่นคง

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจแก้ไขปัญหา กรณีการสู้รบในเมียวดี

'ธนกร' ติง 'ชัยธวัช' พูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค

“ธนกร” ติง “ชัยธวัช” เป็นถึงทนายควรดูข้อกม.ให้ชัด อย่าพูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค มอง ตั้งใจลดทอนความเชื่อมั่นปชช.ต่อศาล ถาม มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ชี้ ใครทำผิดต้องยอมรับ ขออย่าก้าวล่วง