รัฐบาล เร่งผลักดันแบรนด์ไทยสู่สากล ตั้งเป้าติด 1ใน 5 ของเอเชีย ด้านขีดความสามารการค้าต่างประเทศในปี 2570 พร้อมเจาะตลาดอินเดีย ต่อยอดทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
25 ก.ค.2565-น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สอดรับกับโอกาสทางการส่งออกสินค้าไทยที่ขยายตัวอย่างมากผนวกกับยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ของรัฐบาล ซึ่ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรม.พาณิชย์ ได้เร่งผลักดันและส่งเสริมแบรนด์ไทยจากโครงการ IDEA LAB, FUTURE LAB, T Mark รวมถึงแบรนด์ที่มีศักยภาพสู่ตลาดสากล พาเจาะตลาดเอเซียและโอชิเนีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอินเดีย คู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ผ่าน “โครงการส่งเสริมแบรนด์ไทยสู่สากล” หวังสร้างโอกาสขยายเครือข่ายและต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินการตามนโยบายของรองนายกฯจุรินทร์ กำหนดแผนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย ผลักดันให้ไทยเป็น 1 ใน 5 ของเอเชียในปี พ.ศ. 2570 สร้างจุดแข็งให้กับสินค้าและบริการไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการ Megatrends และยุค Next Normal เน้นพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยในการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของตนเอง ด้วยองค์ความรู้ด้านการสร้างแบรนด์ การออกแบบ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ อย่างเป็นระบบและครบวงจรเพื่อให้มีความพร้อมด้านการค้าและเศรษฐกิจยุคใหม่ ยกระดับผู้ประกอบการท้องถิ่นในทุกภูมิภาคของประเทศสู่ตลาดโลก และสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ (New Faces) ผ่านโครงการส่งเสริมแบรนด์ไทยสู่สากล มุ่งเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการด้านการสร้างแบรนด์สู่สากล ส่งเสริมแบรนด์ที่มีศักยภาพ และสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ
โดยจะมีการเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการแบรนด์ไทยที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมแบรนด์ไทย หรือ IDEA LAB รุ่นที่ 1-5 ที่ผ่านมา โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการไทยที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสู่สากล หรือ FUTURE LAB ผู้ประกอบการสมาชิก Thailand Trust Mark (T Mark) และผู้ประกอบการแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพในต่างประเทศที่เป็นสินค้ากลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสปา ของใช้ในบ้าน และเครื่องใช้ในครัวเรือน เข้าร่วมโครงการ หลังจากนั้น จะมีการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 30 ราย เพื่อเข้าร่วมจัดกิจกรรมนิทรรศการต่อยอดแบรนด์ไทยสู่ตลาดสากล (Thai Brand Festival) นอกจากนี้ สำนักงานการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ได้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ 20 ราย ให้จัดส่งสินค้าตัวอย่างไปเข้าร่วมการจัดกิจกรรมนิทรรศการแบรนด์ไทย ณ ห้างสรรพสินค้า Jio World Drive เมืองมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย และสุดท้ายจะมีการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ ระหว่างผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมและผู้นำเข้าต่างประเทศ อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์จะใช้แนวทางการพัฒนาแบรนด์ไทยนี้กับการขยายตลาดสู่ประเทศอื่นๆด้วย
“รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพและสามารถแข่งขันในเวทีการค้ายุคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” และส่งเสริมตลาดส่งออกสำคัญ โดยเน้นการรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่า โครงการส่งเสริมแบรนด์ไทยสู่สากลถือเป็นกลยุทธ์เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทย ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ทางการค้าที่ดี เป็นที่เชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลก”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผยรัฐบาลผลักดัน นวดไทย-อาหารไทย-สมุนไพรไทย เป็น Soft Power
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกา
'พวงเพ็ชร' หวั่นไหวหลุดเก้าอี้ รมต. ขอโอกาสทำงานต่อ
'พวงเพ็ชร' ยังไม่รับแจ้งจากนายกฯ รับหวั่นไหวหลังมีชื่อหลุดเก้าอี้รัฐมนตรี ขอโอกาสทำงานต่อ รอใช้งบได้โชว์ฝีมือเต็มที่
'วันนอร์' โล่ง! เพื่อไทยการันตีไม่ยึดคืนเก้าอี้ 'ปธ.สภา'
'ภูมิธรรม' ยันไม่คิดเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ชี้ 'วันนอร์' ทำหน้าที่ได้ดีสมเกียรติ ขออย่าจินตนาการ สร้างความรู้สึกบั่นทอน
ท้ารัฐบาลทำโพล ถามปชช. ต้องการเงินสดหรือ 'เงินดิจิทัล'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประชาชนต้องการเงินสดหรือเงินดิจิทัล
รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้
รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
เช็กเงื่อนไข 'ครอบครัวอุปถัมภ์' ผู้สูงอายุ รับเดือนละ 3 พัน
'รองโฆษกรัฐบาล' เผยเงื่อนไขคุณสมบัติ 'ครอบครัวอุปถัมภ์' ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 3 พันบาท เริ่มยื่นเรื่องได้ตั้งแต่เดือน พ.ค.