
‘ศักดิ์สยาม’เปิดฉากประชุม ขนส่ง ‘APEC’ดันไทยฮับโลจิสติกส์อาเซียน โชว์แผนพัฒนา EEC พร้อมเดินหน้า แลนด์บริดจ์ 1.1 ล้านล้าน ยึดโมเดลท่าเรือ Tuas สิงคโปร์ เล็งชง ครม.เห็นชอบหลักการภายในปีนี้ วางเป้าสร้างเสร็จปี 73
15 ก.ย.2565-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมคณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปค (APEC Transportation Working Group: TPTWG) ว่า การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้เป้าหมายหลัก คือ การขนส่งที่ไร้รอยต่อ อัจฉริยะ และยั่งยืน เพื่ออำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน และฟื้นฟูความเชื่อมโยงด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวในเขตเศรษฐกิจเอเปคและระดับโลก
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้จัดทำข้อมูลการพัฒนาคมนาคม ขนส่ง และโลจิสติกส์ของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี นำเสนอให้กับประเทศสมาชิก จำนวน 21 เขตเศรษฐกิจ ได้รับทราบแผนการดำเนินการของประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ จะมีการหารือในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ทั้งเรื่องนโยบายสีเขียว (Green) และการลดคาร์บอน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเน้นการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด BCG Economy เพราะหากไม่เริ่มดำเนินการ จะโดนกีดกันทางด้านการค้า
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ระยะ 20 ปีนั้น กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอว่า ในขณะนี้ ได้ดำเนินการระยะที่ 1 กล่าวคือ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3, การพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา รวมถึงแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-Map) ทั้งนี้ เพื่อเชื่อมโยงในเขตเศรษฐกิจเอเปคด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และศักยภาพที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างเขตเศรษฐกิจในการเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาค
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) ซึ่งจะเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ และเป็นประตูเศรษฐกิจของโลก โดยไทยจะใช้ต้นแบบท่าเรือ Tuas ของประเทศสิงคโปร์ ที่ตั้งเป้าหมายในการเป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถรองรับตู้สินค้าได้ 65 ล้านทีอียู ในระยะ 20 ปี หรือปี 2585 ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ถือว่ามีข้อได้เปรียบในการเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค เชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำ ตามนโยบายสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และราคาสมเหตุสมผล

สำหรับความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์นั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษา และลงรายละเอียดตามต้นแบบของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในหลักการภายในปี 2565 ก่อนที่ในปี 2566 จะไป Roadshow ของโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุน
ส่วนการดำเนินการโครงการนั้น คาดว่า ในปี 2566 ก็จะเห็นความชัดเจนและเป็นรูปธรรมในปี ส่วนการเริ่มดำเนินการก่อสร้างนั้น จะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป โดยตามแผนธุรกิจนั้น จะแล้วเสร็จในปี 2573 อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งเป้าหมายให้ดำเนินการแล้วเสร็จเร็วกว่าที่กำหนด เนื่องจากท่าเรือ Tuas ใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปพิจารณาศึกษาและความเป็นไปได้ในการดำเนินการ โดยแนวทางเบื้องต้น จะเป็นความร่วมมือกับพันธมิตร (Partner) ในต่างประเทศ ที่มีสายการเดินเรือแห่งชาติ เพื่อให้คุ้มค่าการลงทุน และมีอัตราผลประโยชน์ทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการ (EIRR) ที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไป
ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุน ก็จะประยุกต์ใช้แนวทางของท่าเรือ Tuas มีการลงทุนมูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยภาครัฐลงทุน 40% และบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก และไม่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นการลงทุนบริษัทในประเทศและ/หรือบริษัทต่างประเทศ (Holding Company) ลงทุน 60% สามารถคืนทุนได้ภายใน 7 ปี เนื่องจากมีการใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยดำเนินการ พร้อมทั้งการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์นั้น จะเป็นรูปแบบการบริหาร 2 ท่าเรือให้เป็นท่าเรือหนึ่งเดียวกัน (One Port Two Sides) โดยจะดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกัน ถือเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งและเศรษฐกิจใหม่ทางทะเล เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าของภูมิภาค เชื่อมการขนส่งกับเส้นทางมอเตอร์เวย์ และทางรถไฟ คู่ขนานแนวเส้นทางร่วมกันตามแผนบูรณาการมอเตอร์เวย์เชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ (MR-MAP) สร้างความเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจใน APEC อย่างไร้รอยต่อ
รายงานข่าวจาก สนข. ระบุว่า สำหรับมูลค่ารวมของโครงการแลนด์บริดจ์ วงเงิน 1,194,307 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการลงทุนท่าเรือ วงเงิน 938,607 ล้านบาท และโครงการลงทุนเส้นทางเชื่อมโยง วงเงิน 255,544 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สว.นรเศรษฐ์' วอน 'อนุทิน' ชะลอแลนด์บริดจ์-SEC ย้ำต้องได้รับฉันทามติจาก ปชช. ก่อน
'สว.นรเศรษฐ์' วอน ‘อนุทิน‘ ชะลอ 'แลนด์บริดจ์-SEC' เชื่อ มีเจตนาดี ผลักดันโครงการใหญ่ แต่ชาวบ้านอาจกระทบหนัก ย้ำ ต้องได้รับฉันทามติจาก ปชช. ก่อน
‘พิพัฒน์’ นำไทยในเวทีโลก ประชุมAPEC เสนอวิสัยทัศน์แรงงาน 5 นโยบายรับโลกยุคใหม่ ทันเทคโนโลยี AI ดันแรงงานอิสระ-สูงวัย ประกันสังคมครอบคลุมทุกกลุ่ม ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ให้มีรายได้ยั่งยืน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นตัวแทนประเทศไทย พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน นางศิริรัตน์ ศรีชาติ อัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และคณะ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรี APEC ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (APEC HRDMM 2025) ณ เมืองเชจู สาธารณรัฐเกาหลี
‘พิพัฒน์’ เยือนเกาะเชจู เตรียมประชุมรัฐมนตรี APEC 2025 พบแรงงานไทย ย้ำสร้างชีวิตที่มั่นคง อย่ายุ่งยาเสพติดและการพนัน
เกาะเชจู สาธารณรัฐเกาหลีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหาร เดินทางถึงเกาะเชจู ก่อนร่วมประชุมรัฐมนตรี APEC ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (APEC HRDMM 2025) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้
‘พิพัฒน์’ นำคณะกระทรวงแรงงานเยือนเกาหลีใต้ ขับเคลื่อนภารกิจ APEC ด้านทรัพยากรมนุษย์และสานต่อความร่วมมือด้านแรงงานไทยในต่างแดน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำคณะเดินทางไปราชการต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเอเปค ครั้งที่ 7 (The 7th APEC Human Resource Development Ministerial Meeting) ณ เกาะเชจู ระหว่างวันที่ 9 – 16 พฤษภาคม 2568


