
16 พ.ย. 2565 – นับเป็นโค้งสุดท้ายของปี 2565 ที่ผู้ประกอบการจะมีโอกาสสร้างยอดขาย โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่เป็นเวลาของเทศกาลแห่งความสุข ผู้บริโภคเริ่มมองหาของขวัญ ของชำรวย และจับจ่ายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จากเดิมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปี 2565 เชื่อว่าผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายกันมากขึ้น หากเทียบกับบรรยากาศช่วงที่มีการแพร่ระบาดหนัก จะเห็นได้ว่าทั้งคนไทยและต่างชาติต่างก็เริ่มกลับมาซื้อของกันมากกว่าที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เริ่มกลับมามีสัดส่วน 30% จากปกติที่ 40% แม้ว่าตลาดหลักอย่างจีนจะยังไม่กลับมา แต่การท่องเที่ยวของไทยยังได้แรงส่งจากตลาดอื่น อาทิ อินเดีย และประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บริษัททุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท จัดแคมเปญส่งท้ายปี “เดอะ เกรท แฮปปี้ นิวเยียร์ 2023” (The Great Happy New Year 2023) ในการกระตุ้นกำลังซื้อ
“เรายังคงลุ้นว่าจะมีมารตรการจากภาครัฐเข้ามาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการมีมาตรการต่างๆ ก็สามารถช่วยให้บรรยากาศจับจ่ายดีขึ้น โดยเฉพาะมาตรการ “คนละครึ่ง” ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นผลดีกับผู้ประกอบการรายย่อยมากว่า แต่สำหรับบริษัทมองว่า “ช้อปดีมีคืน” จะเป็นมาตรการที่ช่วยบริษัทได้ดีกว่า โดยยอดการใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 30-35% โดยในช่วงฤดูฝนจะเป็น Low season”

สำหรับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ถือเป็นช่วงที่สำคัญของธุรกิจรีเทล เพราะเป็นเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง เป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูงที่สุดของปี สำหรับปีนี้มีปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลงทำให้อารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยโดยรวมของประเทศที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2022 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในเดือนพฤศจิกายนถึง 1.5 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะถึง 10 ล้านคนในปี 2565 ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ จึงเป็นแรงหนุนให้ธุรกิจในประเทศฟื้นตัวได้มากขึ้น โดยภาพรวมของธุรกิจรีเทลช่วงปลายปี 2565 มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี กำลังซื้อของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ทั้งนี้ ปัจจัยแห่งความเร็จของการทำการตลาด คือต้องมีความเข้าใจในลูกค้า รู้จักตัวตนของลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ไปเป็นอย่างมาก โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้จำแนกพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
Physical Experience is back การสัมผัสด้วยประสบการณ์จริงๆ จะกลับมา หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ลูกค้าเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไปทำงาน-เรียน-กินข้าว-ออกกำลังกาย การอยู่บ้านนาน ทำให้เกิดอาการโหยหาอยากสัมผัสประสบการณ์จริงในสถานที่จริง (Check-in and Experience)
Customers Tend to be less Loyal than before ความภักดีของลูกค้ามีน้อยลง ลูกค้ายุคใหม่ไม่ใส่ใจในการจดจำแบรนด์เท่าแต่ก่อน มีความภักดีต่อแบรนด์น้อยลง และพร้อมเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
Search & compare are rising การค้นหายังคงเป็นเรื่องที่นิยมทําอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าในปัจจุบันนิยมค้นหาข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจ เปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจ
Research Offline then Buy Online สัมผัสสินค้าที่ร้าน แล้วกลับไปซื้อผ่านเน็ต มีลูกค้าบางส่วน เลือกไปลองสินค้าจริงๆ ก่อนเพื่อความมั่นใจ จากนั้นค่อยกลับมาหาข้อมูลเปรียบเทียบราคา แล้วตัดสินใจสั่งซื้อกับร้านที่ให้ราคาดีที่สุดผ่านทางออนไลน์แทน
New payment options and growth of Cashless การชำระเงินรูปแบบใหม่และ การเติบโตที่รวดเร็วของสังคมไร้เงินสด ลูกค้าเริ่มมีการใช้จ่ายผ่าน Digital Payment ทั้งบัตรเครดิต ระบบ E-Wallet หรือแอพเป๋าตังค์ต่างๆ มากขึ้นกว่าในอดีต ทั้งการช้อปผ่านทาง Online และ Offline

อย่างไรก็ดี แคมเปญ “The Great Happy New Year 2023” จัดที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ช้อปออนไลน์ผ่าน Monline.com และ Gourmetmarketthailand.com ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. 2565 – 12 ม.ค. 2566 โดยได้ผนึกกำลังกับ วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก และพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ มอบโปรโมชั่นให้กับลูกค้าในทุกสัปดาห์ ตลอดแคมเปญ พร้อมระดมหลากหลายสินค้าแบรนด์ดัง ลดทุกชั้น ทุกแผนก สูงสุดกว่า 50 % พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย โดยในปีหน้าจะเพิ่มการจัดกิจกรรมขึ้นอีก 15% โดยเริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี จากปี 2565 นี้มีประมาณ 400 อีเว้นท์ส่วนใหญ่จัดในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 60% และได้จัดโปรโมชั่นไปแล้ว 320 รายการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ช้อปดีมีคืน-ท่องเที่ยวฟื้น' หนุนกำลังซื้อ โฮมโปร ทุ่มงบเปิด 10 สาขาใหม่
โฮมโปร เผย "ช้อปดีมีคืน-ท่องเที่ยวฟื้น" หนุนกำลังซื้อไตรมาสแรก เตรียมทุ่มงบ 4,000-5,000 ล้านบาท ลงทุนเปิด 10 สาขาใหม่ แย้มเตรียมแตกไลน์บริษัทรุกให้บริการ Home Solar เน้นตลาดลูกค้าที่อยู่อาศัย


