สรท.ประเมินผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจะทำให้กระทบภาพรวมส่งออกไทยในช่วงไตรมาส 1 ปี 66 แน่ ร้องขอ ธปท. ร่วมแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็ง
24 ม.ค. 2566 – สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการสรท. ได้ประเมินปัญหาการดำเนินธุรกิจจากสมาชิกซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลชัดเจน ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปี 2566 เมื่อค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าโดยการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลต่อการกำหนดราคาและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งในประเทศที่ค่าเงินอ่อนกว่าไทย
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรท. จึงได้พิจารณาข้อเสนอแนะแนวทางบรรเทาปัญหาและช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกไทยและนำเรียนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1.ขอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณา “ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ออกไป เนื่องจาก1.1) จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเป็นต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ประกอบการทั้งซัพพลายเชน1.2) เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น วัตถุดิบ ค่าไฟฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น
2.ขอให้ ธปท. ดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อ “รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในระดับ 34-35 บาท/เหรียญสหรัฐฯ” หรือ “ที่ไม่แข็งค่าไปกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ”
3.ขอให้ ธปท. “กำหนดมาตรการและเครื่องมือในการตรวจสอบ ติดตาม กระแสเงินไหลเข้าประเทศอย่างรวดเร็ว” รวมถึงขอความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินให้ติดตามข้อมูลการโอนเงินบาทระหว่างบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ(Non-resident Baht Account) จากสัญญาณของธุรกรรมการเงินต่างประเทศที่เริ่มมีความหนาแน่นกว่าปกติ
4.ขอให้ ธปท. และธนาคารพาณิชย์ พิจารณา “อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการเลือกใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging)” อาทิ 5.1) จัดสรรหรือขยายวงเงินสำหรับการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในรูปแบบของ Forward และ Option ให้เพียงพอต่อความต้องการในช่วงที่ค่าเงินบาทมีความผันผวน 5.2) ขยายระยะเวลาในการทำประกันความเสี่ยง ทั้งในรูปแบบของ Forward และ Option ให้เหมาะสม 5.3) ออกแคมเปญช่วยเหลือและดึงดูดให้ผู้ประกอบการเข้ามาใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง อาทิ โครงการบริหารความเสี่ยง FX (Option ประกันค่าเงิน) สำหรับ SMEs เป็นต้น
5.ขอให้ ธปท. ร่วมกับ สรท. “จัดกิจกรรมให้ความรู้ในทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการเกี่ยวกับมาตรการและเครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท” โดยสรท.พร้อมร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้สามารถดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้างต้น เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกและนำพาให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงได้ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'คลัง' ชี้ถึงเวลานโยบายการเงินช่วยบูมศก.
“คลัง” แจงขอไม่ก้าวล่วงหลัง กนง. ยังยืนดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี แต่มองถึงเวลาแล้วที่นโยบายการเงินจะต้องเข้ามาช่วยกัน พร้อมเข็นแพ็คเกจกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เปิดช่องผู้ประกอบการขอบีโอไอปักหมุดสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ระบุยังรอ ธปท. ใจอ่อนผ่อนเกณฑ์ LTV สนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
กนง.สั่งขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พร้อมหั่น GDP ปีนี้เหลือ 2.8%
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
กรุงไทยขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ยันดูแลกลุ่มเปราะบาง
“กรุงไทย”ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ยืนหยัดดูแลกลุ่มเปราะบางและเอสเอ็มอี รับมือความท้าทายเศรษฐกิจ
'สรท.' คาดส่งออกไตรมาสแรกติดลบ 10% วอนคุมค่าไฟ-เงินบาท
“สรท.” คาดส่งออกไทยไตรมาส 1/66 ติดลบ 10% ห่วงทั้งปีโตไม่ถึง 1% แจงลุยทำสมุดปกขาวชงรัฐบาลใหม่ออกมาตรการอุ้มส่งออก
ส่งออก ม.ค. หดตัว สรท.ยังหวังผลักดันให้ปี 66 กลับมาเติบโต 1-2%
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมกราคม 2566