26 ม.ค. 2566 – SCB EIC คาด กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 2% ในปีนี้ กนง. มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมเดือนมีนาคมและเดือนพฤษภาคม 2023 ครั้งละ 0.25% และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2% ตลอดปีนี้ เพื่อให้นโยบายการเงินค่อย ๆ กลับสู่ระดับที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
โดย SCB EIC คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2023 จะขยายตัวได้ 3.4% จากแรงส่งสำคัญของภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน โดยการเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาดของจีนส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง และจะทำให้การบริโภคมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าของไทยในปีนี้มีแนวโน้มไม่สดใสนัก โดยเริ่มเห็นการหดตัวของมูลค่าการส่งออกไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 (รูปที่ 1) ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้ง การส่งออกในปีนี้อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าใหม่ของประเทศคู่ค้าสำคัญ[1] ได้แก่ ยุโรปและอินเดีย ซึ่งจะเริ่มมีผลบางส่วนตั้งแต่ปีนี้ ทำให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าไทยอาจขยายตัวต่ำเหลือเพียง 1.2% ในปี 2023
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2023 มีแนวโน้มชะลอลง แต่จะยังอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2022 ขยายตัวที่ 6.1% (รูปที่ 2) โดย SCB EIC คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยปรับลดลงสู่ระดับ 3.2% ณ สิ้นปี 2023 ซึ่งยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3% จากราคาพลังงานในประเทศและราคาอาหารที่ยังสูง รวมถึงการเร่งตัวของเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปีนี้อาจเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย เป็น 2.7% จาก 2.5% ในปี 2022 จากผลของเงินเฟ้อที่ได้ขยายวงกว้างไปยังราคาสินค้าและบริการหมวดอื่นมากขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตได้ทยอยส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าของผู้บริโภคตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อจากฝั่งอุปสงค์มากขึ้นได้ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของไทยอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น การเปิดประเทศของจีน สภาพอากาศโลกแปรปรวน การแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ซึ่งอาจส่งผลให้มี Upside risk ต่ออัตราเงินเฟ้อได้
ค่าเงินบาทในปี 2023 มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี นับตั้งแต่ต้นปี 2023 ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วนำประเทศอื่นในภูมิภาค จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนมาก โดยเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น 5.6% นับตั้งแต่ต้นปี (รูปที่ 3) และมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในปีนี้ ตามปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ปรับดีขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดการเงินไทยต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ปรับดีขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปีนี้ ตามการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีแรกมีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 32.5-33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะแข็งค่ามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังสู่ระดับ 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ฝากบอกแบงก์ชาติเป็นองค์กรอิสระ แต่ควรคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ปชช.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขอให้มีการปรับลดดอกเบี้ย ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ หรือยัง ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายดนุชา แต่ตนทราบมาก่อนแล้ว
กรุงศรีฯ คาด กนง. มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยช่วงกลางปีนี้
กรุงศรีเผยมุมมองต่อการคงดอกเบี้ยนโยบายการเงินของ กนง. โดยมีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่จะปรับดอกเบี้ย
'กนง.' ฝ่าแรงกดดันยืนมติไม่ลดดอกเบี้ย
กนง. มีมติ 5:2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ชี้ดอกเบี้ยปัจจุบันยังสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว
กสิกรฯ ชี้ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด มอง กนง. มีสิทธิ์ลดดอกเบี้ย
เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนม.ค. 2567 ติดลบเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันและต่ำสุดในรอบ 35 เดือนที่ -1.11% YoY โดยเป็นผลมาจากมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของภาครัฐ