พาณิชย์ลุยเซ็น Mini FTA ไทย-เซินเจิ้นตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้า 43,000 ล้านบาท

‘จุรินทร์ ‘ เป็นประธานการลงนาม Mini FTA ไทย-เซินเจิ้น ถือเป็นฉบับที่ 7 ของไทย ที่ทำกับคู่ค้า ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันอีก 43,000 ล้านบาท ในปี 66-67 ส่วนคิวต่อไป คาดลงนามกับยูนนาน และใกล้จะประสบความสำเร็จทำกับ 5 รัฐของอินเดีย รวมถึงสหราชอาณาจักรและปากีสถาน

2 มี.ค. 2566 – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานสักขีพยานและกล่าวแสดงความยินดีในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งชาติจีน คณะกรรมการเทศบาลเมืองเซินเจิ้น (CCPIT Shenzhen) ร่วมกับนายหวัง ลี่ผิง อัครราชทูต (ที่ปรึกษา) ฝ่ายการพาณิชย์ของจีน ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ว่า เป็นโยบายที่ตนมอบให้กับกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตลอดช่วง 4 ปี ที่รัฐบาลนี้มาบริหารแผ่นดิน วันนี้มี FTA ทั้งหมด 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ และ mini FTA 6 ฉบับ ประกอบด้วย โคฟุ ปูซาน คยองกี เตลังกานา และของจีน 2 ฉบับ คือ ไห่หนานและกานซู่ และที่จะลงนามวันนี้กับเซินเจิ้นเป็นฉบับที่ 7 และถัดจากนี้ ยังมีกับยูนนาน และที่กำลังจะประสบความสำเร็จ คือ 5 รัฐของอินเดีย รวมกับสหราชอาณาจักรและปากีสถาน ถ้าประสบความสำเร็จจะเข้ามาช่วยเสริม FTA ในเชิงลึก

“นโยบายที่มอบให้กระทรวงพาณิชย์ คือ ความร่วมมือจัดทำเขตเสรีทางการค้าฉบับใหญ่ หรือ FTA ไม่พอ เป็นภาพกว้าง ภาพรวม ถึงเวลาที่เราต้องใช้นโยบายเชิงลึก เชิงรุก ทำการค้า การลงทุนร่วมกัน ลงลึกรายมณฑล รายรัฐ เพราะบางรัฐบางประเทศใหญ่กว่าประเทศไทย และบางมณฑลของจีน จีดีพีมากกว่าประเทศไทย และเซินเจิ้นมีจีดีพีเกือบเท่าไทย จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนที่เป็นรูปธรรมที่สุดรูปแบบหนึ่ง ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งไทยและเซินเจิ้น โดยเซินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของจีน รองจากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง เป็นเมืองยุทธศาสตร์เชื่อมมณฑลกวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า เป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจีน (Greater Bay Area) เป็นที่รวมของธุรกิจใหม่ ที่รวมของนวัตกรรม เทคโนโลยี และเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของจีน จะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันได้มหาศาลในอนาคต”นายจุรินทร์กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2565 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเซินเจิ้น มีมูลค่า 868,000 ล้านบาท ตั้งเป้าร่วมกันหลังมี Mini FTA ภายใน 2 ปี (2566-2567) จะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% หรือจะเพิ่มอีก 43,000 ล้านบาท ในปี 2566-67 เป็น 910,000 ล้านบาท จะเป็นกลไกสำคัญเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม ผลักดันเศรษฐกิจของไทยและจีนให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

การลงนามในครั้งนี้ เป็นการลงนามระหว่างนายภูสติ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับนายกู้ ตงจง ประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แห่งชาติจีน คณะกรรมการเทศบาลเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนภาครัฐและเอกชนทั้งไทยและจีนให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย

รัฐบาลแนะผู้ประกอบการไทยปรับตัว ปฏิบัติตามกฎตลาดโลก

รัฐบาลเสริมความเข้มแข็งสินค้าไทย ให้เท่าทันกฎระเบียบของทุกตลาด แนะผู้ประกอบการปรับตัว หลังสเปนจ่อออกกฎใหม่ เครื่องดื่มพสาสติกต้องใช้ฝาแแบยึดกับขวด

รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้

รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

รัฐบาลช่วย SME ไทย เข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ

รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SME ไทย ผ่านการจัดงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ

'พาณิชย์' ลุยต่อ จัดธงฟ้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน ชาว จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี

“พาณิชย์” เดินหน้าลดค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน จัดงานธงฟ้าราคาประหยัด ทั้งที่จ.สุรินทร์ และจ.อุบลราชธานีนำสินค้าจากผู้ประกอบการ ห้าง เกษตรกร SMEs วิสาหกิจชุมชน เครือข่ายรุ่นใหม่ YEC และ Young Smart Farmer รวม 10 หมวดสินค้า กว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 60%