เอสซีจี ปรับโครงสร้างธุรกิจกระเบื้อง- สุขภัณฑ์ครั้งใหญ่ถอด COTTO ดัน 'เอสซีจี เดคคอร์' รุกอาเซียน

เอสซีจีปรับโครงสร้างธุรกิจกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์ครั้งใหญ่ดันเอสซีจีเดคคอร์’  แทน COTTO สยายปีกสู่ผู้เล่นระดับภูมิภาคอาเซียน  ชี้คว้าโอกาสตลาดโต 6 เท่ามูลค่า 1.9 แสนล้าน

31 มี.ค. 2566 – นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) COTTO ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด เปิดเผยว่า มีการปรับโครงสร้างธุรกิจกระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทย่อย โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (SCG Decor) เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจโดย SCG Decor มีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ SCG Decor และนำหุ้นของ SCG Decor เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยการออกและเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าวจะเกิดขึ้นพร้อมกับการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่นในราคาหุ้นละ 2.40 บาทต่อหุ้น (ภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ COTTO อนุมัติให้เพิกถอนหลักทรัพย์ และการเพิกถอนหลักทรัพย์ได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฯ) โดยผู้ถือหุ้น COTTO ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCG Decor (การแลกหุ้น หรือ Share Swap) โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบของตัวเงิน (No Cash Alternative)

ทั้งนี้บริษัทจะมีการนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 พ.ค. 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติเรื่องการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ 

ด้านการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นการรวมพลังของธุรกิจกระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ ที่ เอสซีจี  ถือหุ้นในภูมิภาคนี้มารวมอยู่ด้วยกัน คือ 1. บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศไทย มียอดขายกระเบื้องเซรามิกเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด ร้อยละ 33.0  2.บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด (SSW) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ในประเทศไทยและส่งออกไปต่างประเทศ มียอดขายสุขภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 32.8  

3.Prime Group ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศเวียดนาม มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 26.4 4.บริษัท Mariwasa-Siam Ceramics, Inc (MSC) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศฟิลิปปินส์ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 16.8 และ 5.PT Keramika Indonesia Assosiasi, Tbk (KIA) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากร 274 ล้านคน สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน  

“ การจัดโครงสร้าง เอสซีจี เดคคอร์  จะทำให้ตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า จากปกติตลาดของธุรกิจพื้นผิวในประเทศไทยจะอยู่ที่  32,000 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 190,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดของภูมิภาอาเซียน ขณะที่ปี 65 มีรายได้จากการขายถึง 30,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6 %” นายนำพล กล่าว 

นายสมิทธิ โกสีย์เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท เอสซีจี เดดคอร์  ระบุว่า เมื่อ COTTO ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว SCG Decor จะยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ยื่นแบบ Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขออนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ภายหลังจากแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับ SCG Decor จะเริ่มทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ COTTO ในราคา 2.40 บาทต่อหุ้น โดยจะชำระค่าหุ้นเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCG Decor เท่านั้น ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับการเสนอขายหุ้น IPO ของ SCG Decor หลังจากการทำคำเสนอซื้อสิ้นสุดลง COTTO จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้ถือหุ้น COTTO ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าว จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของ SCG Decor และยังคงเป็นเจ้าของ COTTO ทางอ้อม จากนั้น SCG Decor จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เอสซีจี’ เล็งปรับเป้ารายได้หลังศก.โลกยังไม่ฟื้น ห่วงไทยเจอปัจจัยเสี่ยงราคาพลังงาน - ภัยแล้ง - ฝุ่น

เอสซีจี เผยเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น โชว์ผลกำไร 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ยังห่วงเศรษฐกิจโลก -อาเซียน กระทบเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เล็งทบทวนใหม่ ชี้ไทยเจอปัจจัยเสี่ยง 3 ด้าน ราคาพลังงาน - ภัยแล้ง - และฝุ่น

CPF - SCG ร่วมยกระดับมาตรฐานอาคารเขียว และนำนวัตกรรมก่อสร้าง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จับมือสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์คอนซัลติ้ง จำกัด (ฺBLC) บริษัทที่ปรึกษาในด้านการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC)

เอสซีจี เจอพิษราคาพลังงานฉุดกำไรลดฮวบ

เอสซีจี เผยรายได้ปี 65 ยังโตที่ 7% สวนทางกำไรลดฮวบจากราคาพลังงานสูงลิบ ลั่นยังมีแรงสู้ตั้งเป้าเข็นเป้ารายได้ปีนี้โต 10% ยอมรับวิกฤตที่ผ่านมาแรงเกินต้าน หนักสุดในรอบ 15 ปี