กทท.ตั้งเป้ากำไรปี 66 พุ่ง 6.6 พันล้าน

กทท.กางแผนบริหารงาน ตั้งเป้าปี66 กำไรพุ่ง 6.6 พันล้าน รับขนส่งตู้สินค้าลดลง 10-20% แต่ได้รับอนิสงค์ด้านการขนส่งรถยนต์สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ วางแผนเดินหน้าหารายได้นอกเหนือจากขนส่งสินค้า

25 เม.ย. 2566 – นายเกรียงไกร​ ไชยศิริวงศ์​สุข ​ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เปิดเผยผลดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตตลอดปีงบประมาณ2566 ตั้งเป้ากำไรอยู่​ที่​ 5% หรือราว 6,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสต์ใน72ปี เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,300 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันแม้ว่ายอดการขนส่งตู้สินค้าลดลง​ 10-20% เนื่องจากด้านราคาที่มีการแข่งขันกันสูงขึ้น รวมทั้งด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่ยังมีปัญหาระหว่างประเทศ รัสเซีย-ยูเครน และ ประเทศจีนกับไต้หวัน ปัญหาด้านความมั่นคงของเศรษฐกิจในบางประเทศ และเศรษฐกิจระหว่างจีนละสหรัฐอเมริกา

สำหรับปริมาณตู้สินค้าที่ลดลง เนื่องจากต้องมีการจองเรือ-ตู้สินค้าล่วงหน้าทำให้สามารถรู้ปริมาณตัวเลขตู้สินค้าที่ลดลงไปบ้าง เมื่อ กทท.รับรู้ในส่วนนี้ ได้วางการบริหารจัดการเพื่อหารายได้เพิ่มอย่างอื่น เช่นในช่วงที่เศรษฐกิจดีขึ้น คือการขนส่งสินค้าประเภทรถยนต์ (Ro-Ro)เพิ่มขึ้น แม้ว่าช่วงโควิด-19จะลดลง แต่พบว่าปัจจุบันมีความต้องการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทั้งนำเข้าและ ส่งออก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) พบว่ามีความต้องการอย่างมหาศาล

นายเกรียงไกร​ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้มีการเปิดประเทศ กทท.มีแนวทางในการปรับตัวเพื่อหารายได้ นอกเหนือจากการขนส่งตู้สินค้า ปัจจุบันพบว่าในส่วนของเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (เรือครูซ) ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวได้ถึง 6,000 คน หรือมากกว่านี้ ซึ่งเรื่อเหล่านี้จะเทียบท่าที่ประเทศไทย หรือแม้แต่รายได้ในการบริหารทรัพย์สิน ทำให้ในปีนี้ แม้การขนส่งสินค้าจะลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงต้องปรับการบริหารรายได้จากทางอื่น เพื่อให้รักษาระดับกำไรที่ตั้งเป้าหมายว่าอยากให้กำไรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5%

“70% ของกำไร เรานำส่งเข้ารัฐบาล เมื่อกำไรมากขึ้นก็หมายความว่าเราส่งได้มากขึ้น นี้คือหนึ่งในเป้าหมายว่าการบริหารจัดการในแต่ละช่วงเวลามีความแตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องผลักดันคือทิศทางเป้าหมายต้องชัดเจน ธรรมดาของธุรกิจที่มีทั้งขาขึ้นขาลง แต่เราจะรักษาระดับผลของเป้าหมายหลัก คือเรื่องของกำไรที่เพิ่มขึ้น และ กำไรด้านเศรษฐศาสตร์ การทำงานรวมกับชุมชนที่ต้องผลักดัน เช่นเมื่อท่าเรือเติบโต ชุมชุนก็จะเติบโตไปด้วยกัน การคำนึงถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมสีเขียว เรื่องของ Green Port การลดคาร์บอนไดออกไซด์ “นายเกรียงไกร กล่าว