ไทยเกทับเวียดนามเจออากาศร้อนจัดแต่ไฟฟ้ายังมีใช้เพียงพอ 

กฟผ. เผยแม้ปีนี้อากาศร้อนจัด ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดทะลุ 34,000 เมกะวัตต์ แต่ไทยไร้ปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอ ผ่านการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดูแลระบบผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าให้มั่นคง มีเสถียรภาพ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและโอกาสทางการแข่งขันของไทย

23 พ.ค. 2566 – นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากกรณีประเทศเวียดนามเริ่มวางแผนเวียนดับไฟฟ้าทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ตั้งแต่วันนี้จนถึง 25 พฤษภาคม 2566 บางพื้นที่อาจต้องดับไฟนานถึง 7 ชั่วโมง เพื่อรับมือกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากสภาพอากาศร้อนจัด ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากราคาถ่านหินค่อนข้างสูง หลายโรงไฟฟ้าไม่เสนอความพร้อมในการผลิตเพื่อจ่ายไฟฟ้า รวมถึงถ่านหินที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียล่าช้าไม่เป็นไปตามแผน ประกอบกับเขื่อนขนาดใหญ่ 13 แห่งของเวียดนามได้เดินเครื่องไปในช่วงที่ก๊าซมีราคาแพง จึงมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับวิกฤตทำให้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้นั้น 

สำหรับประเทศไทย กฟผ. ให้ความมั่นใจได้ว่า ระบบไฟฟ้าของไทยมั่นคง มีเสถียรภาพ สามารถผลิตและส่งไฟฟ้าให้กับประชาชนได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญวิกฤตราคาเชื้อเพลิงมาตั้งแต่ปี 2564 และปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดจนทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ของปีนี้ทะลุถึง 34,826.5 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ไม่พบปัญหาไฟตกไฟดับแต่อย่างใด เนื่องจากการดูแลระบบผลิตและส่งไฟฟ้าให้มีความทันสมัยและพร้อมใช้งาน บริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในแต่ละช่วงเวลา และเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน 

นอกจากนี้ประเทศไทยยังพยายามลดความเสี่ยงการขาดแคลนเชื้อเพลิงด้วยการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ เพิ่มถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะซึ่งเป็นถ่านหินภายในประเทศที่มีต้นทุนต่ำ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เชื้อเพลิงชีวมวล รวมถึงไฟฟ้าที่นำเข้าจาก สปป.ลาว 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีดัชนีคุณภาพการบริการไฟฟ้าอยู่ในลำดับต้น ๆ ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอาเซียนหลายเท่าตัว โดยในปี 2565 ค่าดัชนีจำนวนครั้งที่ไฟฟ้าดับ (SAIFI) มีค่าเท่ากับ 0.0904 ครั้งต่อจุดจ่ายไฟ และค่าดัชนีระยะเวลาไฟฟ้าดับ (SAIDI) มีค่าเท่ากับ 0.9041 นาทีต่อจุดจ่ายไฟ สะท้อนให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพและคุณภาพของระบบไฟฟ้า รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักลงทุน สร้างโอกาสในการแข่งขันของประเทศในระดับนานาชาติ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักข่าวรุ่นเก่ากุมขมับ! เขียนบทความไม่ออก หลังสื่อจีนระบุแค่ 'นายกฯไทย' พบ 'ปธน.สี'

ตั้งใจจะเขียนบทความเรื่องนายกฯไปท่านพบสี จิ้นผิง แต่จนใจหาประเด็นไม่ได้จริงๆ เนื่องจากเรามักหา

ผู้ช่วย รมว.จีน เข้ากลาโหม หารือ 'ภูมิธรรม' ปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อเวลา 14.50 น. นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วย นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตจีนป

ลากยาว! สมช. ส่งข้อมูลมั่นคงให้ 'กฟภ.-มท.' ตั้งกก.ร่วมไทย-เมียนมา ก่อนชงตัดไฟ

สมช. สรุปข้อมูลด้านความมั่นคง เสนอ 'กฟภ. - มท.' พิจารณาตัดไฟ ควบคู่ตั้งกรรมการร่วม 2 ฝ่ายไทย-เมียนมา เช็กจุดมีปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนชง ครม. ตัดไฟ

'ออลไทยแลนด์ฯ'สร้างประวัติศาสตร์ จัดนอกประเทศครั้งแรก ที่เวียดนาม

ออลไทยแลนด์ฯ สร้างประวัติศาสตร์ จัดแมตซ์นอกประเทศครั้งแรก หลังร่วมมือสมาคมกอล์ฟเวียดนาม จัดการแข่งขันรายการ Trang An Open 2025

ทีมไรเดอร์คัพไทยสู้เต็มที่ โดนเกาหลีใต้แซงวันสุดท้าย 'รังสฤษดิ์'มั่นใจได้ยกระดับฝีมือ

ทีมกอล์ฟไรเดอร์คัพไทย ประกอบด้วยนักกอล์ฟทีมชาติไทยและนักกอล์ฟในโครงการดาวรุ่งมุ่งสู่ทีมชาติไทย ดวลกับทีมไรเดอร์คัพจากเกาหลีใต้ สนามกอล์ฟ กบินทร์บุรี สปอร์ตคลับ จ.ปราจีนบุรี ระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2568 โดยคุณรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ เชื่อว่าการได้แข่งขันคราวนี้ จะทำให้นักกอล์ฟไทยได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การแข่งขันแบบไรเดอร์คัพ ยกทีมกับนักกอล์ฟต่างประเทศ