พาณิชย์เร่งติดตาม FTA ไทย-ชิลี

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยผลการประชุมติดตามการดำเนินงานภายใต้ FTA ไทย-ชิลี เห็นพ้องเร่งปรับโอนพิกัดศุลกากรจากระบบ HS2012 เป็น HS2022 การใช้ระบบลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) สำหรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ผลักดันร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ระบุ 8 ปีที่ FTA บังคับใช้ การค้าสองฝ่ายเพิ่มมากกว่า 40%

24 พ.ค. 2566 -นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายรัชวิชญ์ ปิยะปราโมทย์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการการค้าเสรีไทย-ชิลี (FTC) ครั้งที่ 4 ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี (Thailand-Chile Free Trade Agreement : TCFTA) ในฐานะประธานร่วมฝ่ายไทย กับนายปาโบล เออร์เรียร์ ผู้แทนกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศของชิลี เป็นประธานร่วมฝ่ายชิลี โดยที่ประชุมได้ติดตามการดำเนินงานภายใต้ FTA ไทย-ชิลี ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2558 โดยเห็นตรงกันว่า FTA ฉบับนี้ มีประโยชน์กับผู้ประกอบการของไทยและชิลีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขยายมูลค่าการค้าของสองฝ่าย จากเดิมที่มีมูลค่าการค้า 894.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2558 เพิ่มเป็น 1,289.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 40%

นายรัชวิชญ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ติดตามการดำเนินงานภายใต้พันธกรณีของ TCFTA โดยไทยและชิลีอยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการภายใน เพื่อปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (PSRs) จากระบบ HS2012 เป็น HS2022 เพื่อให้สอดคล้องกับพิกัดสินค้าที่ใช้ในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ภายในช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับการใช้ลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal : ESS) สำหรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า รวมทั้งแนวทางการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าในรูปแบบไฟล์ PDF เพื่อให้ผู้นำเข้าสามารถพิมพ์และจัดส่งให้กับหน่วยงานด้านศุลกากรประกอบพิธีการออกสินค้าเมื่อไปถึงท่าเรือปลายทาง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ

ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมกันผลักดันประเด็นด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในรายการสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายสนใจ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อมูลสถิติการค้าและการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ TCFTA เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์และร่วมกันพัฒนาความตกลงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ภายใต้ความตกลง TCFTA ไทยและชิลียังได้เริ่มบังคับใช้จรรยาบรรณในการระงับข้อพิพาท (Code of Conduct) ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมกฎเกณฑ์ในกระบวนการระงับข้อพิพาทภายใต้ความตกลงดังกล่าวให้มีความชัดเจนและเป็นแนวทางปฏิบัติที่ทั้งสองฝ่ายจะยึดถือปฏิบัติร่วมกัน

ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับชิลี มีมูลค่า 1,289.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.50% โดยไทยส่งออกไปชิลีมูลค่า 531.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 15.19% และไทยนำเข้าสินค้าจากชิลีมูลค่า 758.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.50% ซึ่งการส่งออกที่ใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ TCFTA มีสัดส่วนสูงถึง 114.79% เพิ่มขึ้น 4.02% โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ รถบรรทุก รถยนต์ ปลาทูน่า เครื่องซักผ้า เครื่องเพชรพลอย สำหรับการนำเข้าภายใต้ TCFTA ของไทย มีสัดส่วน 87.82% เพิ่มขึ้น 2.17% สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ แอปริคอต เชอร์รี ท้อ ไวน์ ไขมันและน้ำมันจากปลา กุ้งและปู และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 ที่ผ่านมา อัตราภาษีของสองประเทศภายใต้ความตกลงฯ ได้ลดลงเป็นศูนย์หมดทุกรายการแล้ว จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะขยายการค้าและสร้างความได้เปรียบในการนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นในการผลิตร่วมกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหนุนธุรกิจแฟรนไชส์เร่งสร้างมาตรฐาน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมอัปเกรดผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ เร่งสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีศักยภาพพร้อมสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในการขยายตลาด ตลอดจนสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศเพิ่มขึ้น เปิดรับสมัครผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Standard) ประจำปี 2567 ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 13 มีนาคม 2567

พาณิชย์ โชว์ ม.ค. ต่างชาติลงทุนในไทย 7,171 ล้าน

เบิกฤกษ์..มกราคม 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 7,171 ล้านบาทญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 3,793 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 1,083 ล้านบาท และจีน 768 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 172 คน

พาณิชย์เผยปี 66 ต่างชาติขนเงินลงทุนไทย 1.27 แสนล้าน ญี่ปุ่นเบอร์ 1

ปี 2566 ต่างชาติลงทุนในไทย 127,532 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 32,148 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 25,405 ล้านบาท และฮ่องกง 17,325 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 6,845 คน

กรมพัฒนาธุรกิจฯ เผยธุรกิจตั้งใหม่ปี 66 สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ต่างชาติขนเงินเข้าไทย 1.3 แสนล้าน

นักลงทุนไทยแห่จัดตั้งธุรกิจใหม่ ทะลุ 8.5 หมื่นราย ทุนจดทะเบียนรวมกว่า 5.6 แสนล้านบาท ขณะที่ต่างชาติหอบเงินลงทุนเข้าไทย แตะ 1.3 แสนล้านบาท ญี่ปุ่นนำโด่งเบอร์ 1คาด!! ปี 2567 เศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง ปัจจัยบวกสนับสนุนให้ไทย-เทศเดินหน้าลงทุนเพิ่ม

กรมพัฒนาธุรกิจฯ เปิดระบบ e-PCL เฟส 2 พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบ 100% 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนาระบบการจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration For Public Company Limited : e-PCL) เฟส 2 เดินหน้าให้บริการเต็มรูปแบบ 100% อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มความเข้มแข็งภาคธุรกิจ