
6 มิ.ย.2566- นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามการกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเมินและวางแนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนปรับย้ายสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศให้เกิดผลที่ดีที่สุด เพิ่มยอดการค้าส่งออก อาทิ ประเทศคาซัคสถานที่เป็นตลาดแห่งใหม่ มีมูลค่าทางการค้า โอกาสในการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยสูง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ประเมินแล้วว่าประเทศคาซัคสถานเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และถือเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States : CIS) เป็นคู่ค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียกลาง (คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสสถาน และอุซเบกิสถาน) โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-คาซัคสถาน มีมูลค่า 136 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 98.42 คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 61.79 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 74.21 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ภาพรวมการค้าระหว่างไทย-ภูมิภาคเอเชียกลาง มีมูลค่า 207.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 41.67 คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 99.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้า 107.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ประเทศคาซัคสถานเป็นตลาดการค้าแห่งใหม่สำหรับไทย แต่มีโอกาสทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันอย่างมาก ไทยจึงต้องการเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์แห่งใหม่ เพื่อสำรวจตลาด ขจัดอุปสรรค ลดต้นทุนการส่งออกสินค้าของไทย เพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถาน รวมถึงประเทศข้างเคียง
“นายกรัฐมนตรี สนับสนุน และผลักดันการค้าระหว่างประเทศ ผ่านนโยบายในการพิจารณา ประเมินตลาด หาคู่ค้า และตลาดแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนของประเทศไทย เพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าจากไทยไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการในด้านการเจรจา ประเมินการค้าระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การค้าการส่งออกของไทยดำเนินไปอย่างเกิดผลประโยชน์สูงสุด” นายอนุชา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โฆษกรัฐบาล แจงมติครม.ออกกฎรักษาความลับทางราชการ-การให้ข่าวสื่อ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย.66 เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมครม. และการให้ข่าวสาร
เปรียบ 'เศรษฐา-หมออ๋อง' ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่แปลกใจยุค 'ลุงตู่' การเงินการคลังมั่นคง
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
เอาแล้ว 'สมชัย' เปิดชื่อคณะร่วมทีมนายกฯ ไปนิวยอร์ก พบ 2 คนไม่ใช่ข้าราชการ หนึ่งในนั้นคือ ลูกสาว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊ก มาแล้ว ชื่อคณะบุคคล ที่ร่วมเดินทางกับนายกรัฐมนตรี 19 รายชื่อแรก
อดีตรมว.คลัง ยัน ปลดผู้ว่าแบงก์ชาติไม่ง่าย แนะ 'เศรษฐา' รับฟังธนาคารแห่งประเทศไทย
การดำเนินนโยบายต่างๆ ควรเป็นรูปแบบเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะต้อ
เช็กชื่อ! ครม.แต่งตั้งข้าราชการการเมือง และขรก.ประจำ 'ไพโรจน์ โชติกเสถียร' นั่งปลัดแรงงาน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 กันยายน 2566 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ/เห็นชอบ ในเรื่องแต่งตั้ง ดังนี้
ครม. อนุมัติงบกลาง 2,310 ล้าน ค่าอาหารกลางวัน-นม ให้แก่โรงเรียน อปท. และเทศบาล
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (งบกลางฯ ปี 2566)