
สสว.มึน ไตรมาส 2/66 SME 2.6 พันรายทั่วประเทศ แบกหนี้สิน 59.7% สูงกว่าปีก่อน 53.4% เผยเหตุยังเผชิญปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายและสภาพคล่องลดลง สะท้อนดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึง 9-12%
24 ก.ค.2566 – นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ทำการสำรวจผู้ประกอบการ SME เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านหนี้สินกิจการของ SME ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 โดยสอบถามผู้ประกอบการ จำนวน 2,691 ราย ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 17-27 มิ.ย. 2566 พบว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ผู้ประกอบการ SME 59.7% มีภาระหนี้สิน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ที่อยู่ที่ 53.4% โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการกู้ยืมเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการ
รองลงมา คือ การลงทุนในกิจการ เพื่อการซ่อมแซมสถานประกอบการ และพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะธุรกิจภาคการค้าและภาคการบริการมีสัดส่วนการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนนอกระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการกู้ยืมจากเพื่อนหรือญาติพี่น้องมากที่สุด เนื่องจากแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินมีวิธีการและกระบวนการพิจารณาที่เข้มงวด
ทั้งนี้ พบว่า ผู้ประกอบการ SME 35.6% มีภาระหนี้สินอยู่ในช่วง 50,000 ถึง 100,000 บาท ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ที่ 33.2% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจรายย่อย โดยมีระยะเวลาสัญญาเงินกู้ในช่วงไม่เกิน 7 ปี ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมเงินของ SME ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะ ธุรกิจรายย่อยยังแบกรับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธุรกิจขนาดอื่น ๆ โดยขยับขึ้นมาอยู่ในช่วง 9-12% จาก 6-8% ในช่วงไตรมาสก่อน โดยสถานการณ์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ผู้ประกอบการ SME กว่า 55.4% ยังคงเผชิญกับปัญหาในการชำระหนี้ ด้วยเหตุที่รายได้น้อยกว่ารายจ่าย สภาพคล่องลดลงและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการ SME 57.8% ยังสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดสัญญา จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว แต่ยังพบว่าผู้ประกอบการ SME 42.4% เริ่มประสบปัญหาการผิดเงื่อนไขการชำระหนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดย่อม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี พบว่า ปัญหาสำคัญที่ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญ คือ ปัญหาด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจ รองลงมา คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งมีขั้นตอนการยื่นกู้ยุ่งยาก และสิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุด คือ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รองลงมา คือ ต้องการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับธุรกิจรายเล็ก และการลดขั้นตอนหรือเงื่อนไขในการยื่นขอสินเชื่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.สามารถ ชี้ กทม.ล้างหนี้ BTSC หมดเกลี้ยง แต่เส้นทางอิสรภาพทางรางเพิ่งเริ่มต้น
กทม.ล้างหนี้ BTSC ได้หมดเกลี้ยง แต่เส้นทาง 'อิสรภาพทางราง' เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เพราะการ 'จ่ายครบ' อาจยังไม่พอ
'ธนกร' ปูดประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกถกแก้หนี้สิน-เสริมสภาพคล่อง
'ธนกร' ประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก ถกแก้หนี้สิน-เสริมสภาพคล่อง SME จ่อคุมเข้มสินค้าสวมสิทธิ์ เผยตั้ง 'ชุดเต็มเหนี่ยว' บุกตรวจโรงงาน
รัฐบาลสั่ง บสย.เร่งลุยมาตรการปล่อยสินเชื่อกระบะมือสอง
รัฐบาลให้ บสย. ส่งมาตรการ 'กระบะ (มือสอง) พี่มีคลังค้ำ' กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วย SMEs ซื้อรถกระบะ คาดก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบกว่า 3,400 ล้านบาท รักษาการจ้างงานกว่า 153,000 ตำแหน่ง
นายกฯอิ๊งค์ช่วยด้วย ชาวนาสุโขทัยเดือดร้อนหนัก เจอน้ำท่วม เพลี้ยระบาด หมดตัวแล้ว
ขณะนี้ชาวนาในหลายพื้นที่ของ จ.สุโขทัย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะที่หมู่ 1 หมู่ 4 ต.ท่าฉนวน อ.กงไกรลาศ น้ำท่วมนาข้าวเป็นวงกว้าง เริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็น และชาวนาต้องกลายเป็นหนี้พอก หมดทุนทำนารอบต่อไป หลังเจอทั้งเพลี้ยระบาด น้ำท่วมซ้ำ ทำให้ขาดทุนหลายแสน ไม่มีเงินจ่ายหนี้คืนร้านค้าปุ๋ย-ยา และ ธ.ก.ส.


