
“พาณิชย์” เตรียมนำทีมไทยเข้าร่วมประชุมเจรจา FTA กับยูเออี รอบที่ 3 วันที่ 29 ส.ค-1 ก.ย.นี้ ที่ดูไบ เดินหน้าประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า และประชุมคณะทำงานกลุ่มย่อย 9 คณะ มั่นใจผลักดันการเจรจาคืบหน้าต่อเนื่อง และสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้ เผยผลศึกษา ชี้การทำ FTA จะช่วยให้ GDP ของไทยเพิ่มขึ้น การส่งออกขยายตัว มีสินค้าและบริการได้ประโยชน์เพียบ
28 ส.ค.2566 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเตรียมนำคณะผู้แทนไทยเดินทางเข้าร่วมการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (CEPA) ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รอบที่ 3 ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-1 ก.ย.2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยการประชุมครั้งนี้ จะประกอบด้วยการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า เพื่อกำกับดูแลและติดตามภาพรวมการเจรจา และการประชุมคณะทำงานกลุ่มย่อย 9 คณะ ได้แก่ 1.การค้าสินค้า 2.พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 3.มาตรการเยียวยาทางการค้า 4.กฎหมายและสถาบัน 5.ทรัพย์สินทางปัญญา 6.การค้าบริการ รวมถึงการค้าดิจิทัล 7.การลงทุน 8.มาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และ 9.มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
“การเจรจามีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และการประชุมครั้งนี้ คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าการเจรจาจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้ตามเป้าหมาย”นางอรมนกล่าว
นางอรมนกล่าวว่า จากการศึกษาเบื้องต้นประเมินว่า การจัดทำ CEPA ระหว่างไทยกับยูเออี จะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น มีมูลค่า 318-357 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 11,136-12,499 ล้านบาท และการส่งออกของไทยในภาพรวมจะขยายตัว มีมูลค่า 190-243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 6,652-8,508 ล้านบาท สินค้าที่คาดว่าไทยจะส่งออกไปยูเออีได้มากขึ้น เช่น อาหาร สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังสัตว์ ไม้ ยาง พลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์และชิ้นส่วน สำหรับสาขาบริการที่คาดว่าจะมีธุรกรรมระหว่างกันเพิ่มขึ้น เช่น การขนส่ง การเงิน และบริการด้านธุรกิจ
ทั้งนี้ ยูเออีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 1 ในตะวันออกกลาง ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับยูเออี มีมูลค่า 20,474.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 70.8% โดยไทยส่งออกไปยูเออี มูลค่า 3,444.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากยูเออี มูลค่า 17,029.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับในช่วง 6 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับยูเออี มีมูลค่า 9,541.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.3% โดยไทยส่งออกไปยูเออี มูลค่า 1,560.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากยูเออี มูลค่า 7,981.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องเพชรพลอย และเคมีภัณฑ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พาณิชย์' หารือบังกลาเทศ ชงเดินหน้าทำ FTA
“รองปลัดพาณิชย์” ต้อนรับรองปลัดพาณิชย์ บังกลาเทศ และคณะนักธุรกิจจากสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมบังกลาเทศ–ไทย หารือยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน ไทยชงเดินหน้าทำ FTA ระหว่างกันโดยเร็ว
พาณิชย์ชี้ธุรกิจ ‘Circular Economy’ ขึ้นแท่นดาวเด่น รับเทรนด์อนาคตโลก สร้างกำไรสูง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ธุรกิจไทยประจำเดือนตุลาคม 2566 พบ ธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ ‘Circular Economy’ น่าจับตามอง เป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้โมเดล BCG ที่เข้ามากำหนดความยั่งยืนของโลกการค้ายุคปัจจุบัน พบปัจจัยสำคัญที่ทำให้เป็นดาวเด่นคือ เป็นธุรกิจที่ตลาดยังเปิดกว้าง การแข่งขันยังไม่สูงมีนิติบุคคลเพียง 1,908 ราย เมื่อพิจารณาจากรายได้ย้อนหลังไป 3 ปี เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
พาณิชย์เผยธุรกิจตั้งใหม่เดือน ต.ค. 6,647 ราย ทุนจดทะเบียน 2.7 หมื่นล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนตุลาคม 2566 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
'ธรรมนัส' เตือนสติเรื่อง FTA ระวังเรื่องสินค้าเกษตร
'ปานปรีย์' รับลูกเร่งวางยุทธศาสตร์การค้า-FTA ด้าน ‘ธรรมนัส’ เห็นด้วย แต่กังวลภาคการเกษตร แนะต้องรักษาประโยชน์คนไทยไว้ก่อน
พาณิชย์เผยยอดใช้สิทธิ FTA 7 เดือนมูลค่า 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
กรมการค้าต่างประเทศเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA ในเดือนมกราคม – กรกฎาคม ของปี 2566 มีมูลค่ารวม 46,183.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับอาเซียนยังครองแชมป์ตลาดที่มีการใช้สิทธิฯ ส่งออกมากที่สุด ตามติดมาด้วยอาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-ออสเตรเลีย อาเซียน-อินเดีย และภายใต้ RCEP มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 810.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแนะผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือสร้างแต้มต่อทางการค้า
‘นภินทร’ ถกเจโทร ดันนำเข้าสินค้าเกษตรไทยไปตลาดญี่ปุ่น
‘นภินทร’ รมช.พาณิชย์ ถก JETRO กรุงเทพฯ ให้ช่วยสนับสนุน SMEs ไทย ดันนำเข้าสินค้าเกษตรไทยไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง พร้อมจับมือจัดสัมมนาให้ความรู้เรื่อง FTA หนุนผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออก ด้านญี่ปุ่นสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม พร้อมผลักดันสตาร์ทอัปเข้ามาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย