รมว.คลังกดปุ่มโอนเงินประกันรายได้-ลดต้นทุนช่วยเหลือชาวนาวงเงิน 1.6 แสนล้าน

รมว.คลัง ตรวจเยี่ยมการส่งมอบเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือ 20,000 บาท พร้อมมาตรการคู่ขนานเพื่อยกระดับราคาข้าวผ่านสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก และสินเชื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินรวมกว่า 160,000 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกรได้รับประโยชน์ 4.69 ล้านครัวเรือน

13 ธ.ค. 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในกิจกรรมส่งมอบเงินตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการคู่ขนาน ปีการผลิต 2564/65 โดยมีนายทองลักษณ์ หาญศึก กรรมการ ธ.ก.ส. นายสุรชัย รัศมี นายกษาปณ์ เงินรวง และนายสมชาย คมพงษ์ปภา รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. พร้อมด้วยผู้บริหารและผู้แทนจากส่วนงานต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรม ในพื้นที่อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด

นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีนำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และคณะกรรมการ ธ.ก.ส. นำโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร วงเงินรวมกว่า 160,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.69 ล้านครัวเรือน ประกอบด้วย

1 โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 รอบที่ 1 (เพิ่มเติม) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้ได้รับผลตอบแทนจากการผลิตที่เหมาะสม เป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน และช่วยแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และอุทกภัย โดยที่กลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ จำนวน 74,569 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.69 ล้านครัวเรือน โดย ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรงตามข้อมูลที่ได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตร และผ่านการประชุมของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ งวดที่ 3 – 7 ในช่วงระหว่างวันที่ 9 – 13 ธันวาคม 2564 รวมทั้งสิ้น 3.58 ล้านครัวเรือน เป็นเงินจำนวนกว่า 64,000 ล้านบาท ในส่วนพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด มีการโอนเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เกษตรกร จำนวน 219,718 ครัวเรือน เป็นเงิน 4,213 ล้านบาท

2. โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนจากภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาข้าวให้มีคุณภาพดี เพื่อที่จะมีโอกาสขายข้าวในราคาที่สูงและมีรายได้มากขึ้น โดยรัฐจ่ายเงินสนับสนุนให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินงบประมาณจำนวน 53,871.84 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกรจำนวน 4.69 ล้านครัวเรือน โดยจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรในวันที่ 13 – 17 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ เฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จะเริ่มโอนวันที่ 14-17 ธันวาคม 2564 โดยมีเกษตรกรได้รับเงินจำนวน 4,452,805 ครัวเรือน เป็นเงิน 51,988 ล้านบาท ในส่วนพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด มีการโอนเงินค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวให้เกษตรกร จำนวน 224,921 ครัวเรือน วงเงิน 2,684 ล้านบาท
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ

3. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 ซึ่งเป็นมาตรการคู่ขนานในการสนับสนุนให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว ไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากและราคาตกต่ำ วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกร เป็นระยะเวลา 5 เดือน ตั้งเป้าดูดซับปริมาณข้าวเปลือก 2 ล้านตัน ซึ่งโครงการนี้รัฐบาลได้สนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาทต่อตัน โดยกรณีเกษตรกรเก็บเข้าเองจะได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน ระยะเวลาจัดทำสัญญาตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 กรณีภาคใต้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2565 และ

4. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65 สำหรับสหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชนที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกรสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพ เช่น การลดความชื้น การแปรรูปผลผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม วงเงินสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ซึ่งคิดจากสถาบันฯ เพียงร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลรับภาระแทน กำหนดชำระคืนไม่เกิน 12 เดือน ระยะเวลาจ่ายสินเชื่อตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 กันยายน 2565

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธ.ก.ส.' เสริมแกร่งสถาบันเกษตรกรอัดฉีดพันล้านรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

“ธ.ก.ส.” เตรียม 1,000 ล้านบาท อัดฉีดสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มเสริมแกร่งสถาบันเกษตรกร เคาะดอกเบี้ย 4% รัฐชดเชย 3%

'ธ.ก.ส.' ปักหมุดภารกิจสางหนี้เน่าตั้งเป้าหมายปีนี้เหลือไม่เกิน 5.5%

“ธ.ก.ส.” ปักหมุดภารกิจสางหนี้เน่า ตั้งเป้าหมายปีนี้เหลือไม่เกิน 5.5% เร่งเครื่องปั๊มสินเชื่อเติมกลุ่มขนาดใหญ่ 5 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดตัวสินเชื่อรวมกลุ่มเกษตรกรขายคาร์บอนด์เครดิต

ธ.ก.ส.เตรียมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเสริมสภาพคล่องการรับซื้อผลไม้

ธ.ก.ส. ร่วมมือกรมการค้าภายใน สนับสนุนผู้ประกอบการในการรวบรวมและรับซื้อผลไม้ฤดูกาลผลิต 2566 รวม 8 ชนิด เพื่อกระตุ้นให้มีปริมาณผลไม้หมุนเวียนในตลาดและส่งถึงมือผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทันตามฤดูกาล โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ 3 ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ ธ.ก.ส. ตั้งแต่วันนี้จนถึง 12 พฤษภาคม 2566

'ธ.ก.ส.'ฟุ้งปี 65 อัดสินเชื่อสู่ชนบท 8.7 แสนล้าน

“ธ.ก.ส.” โชว์ผลดำเนินงานปีบัญชี 65 อัดสินเชื่อสู่ภาคชนบท 8.7 แสนล้านบาท กวาดกำไรเฉียด 8 พันล้านบาท กางแผนปีบัญชี 66 สินเชื่อโตเพิ่มมากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เงินฝากโต 1.2 หมื่นล้านบาท เดินเครื่องแก้หนี้เสีย ปักหมุดเหลือไม่เกิน 6.7% พร้อมคาดจีดีพีภาคเกษตรปี 66 โต 2.4% โอดเศรษฐกิจโลกชะลอกดดันการส่งออกสินค้าเกษตรแผ่ว

บอร์ด ธ.ก.ส.เคาะประกันรายได้สวนยาง-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงิน 8.2 พันล้าน

บอร์ด ธ.ก.ส. เห็นชอบดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 4 และประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2565/66 วงเงินรวมกว่า 8,282 ล้านบาท

เกษตรกรเตรียมตัว ธ.ก.ส. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25%

ธ.ก.ส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สูงสุดร้อยละ 0.60 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ร้อยละ 0.25 ต่อปี ตามมติ กนง. เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 0.25 ต่อปีจากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดและการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจไทย โดยมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. 66 เป็นต้นไป