‘คมนาคม’เล็งชงครม.เคาะตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ 

“มนพร” สั่ง กทท.ลุยจัดตั้ง ”สายการเดินเรือแห่งชาติ“ สานต่องานต่อเนื่อง เร่งสรุปรูปแบบการลงทุน-ข้อกฎหมาย ก่อนชง ครม. เคาะไฟเขียว ประเดิม 3 เส้นทางเดินเรือในประเทศ นำร่อง แหลมฉบัง-มาบตาพุด  

23 ต.ค. 2566 – นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติว่า ได้มอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และกระทรวงฯ พร้อมผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อสนับสนุนการขนส่งทางชายฝั่งและทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย มีมาตรฐาน อีกทั้งยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอีกด้วย 

ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ขณะนี้ กทท. ได้ทำการศึกษาแล้วเสร็จ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) และได้เสนอไปยังกระทรวงคมนาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะมีการพิจารณาถึงรูปแบบการดำเนินการว่า จะเป็นรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) หรือ กทท. จะดำเนินการลงทุนเอง รวมถึงจะมีการส่งเสริมการลงทุนโดย BOI หรือไม่ ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วนั้น จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป 

สำหรับผลการศึกษาดังกล่าว ได้ดำเนินการศึกษาเส้นทางการเดินเรือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นจะดำเนินเส้นทางในประเทศก่อน ทั้งนี้ พบว่า มี 8 เส้นทางที่มีความเหมาะสม สามารถเปลี่ยนโหมดการขนส่งจากทางบกมาสู่ทางน้ำได้ โดยมี 3 เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนและไม่ทับซ้อนกับเส้นทางที่มีเอกชนดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว ประกอบด้วย 1.เส้นทางท่าเรือมาบตาพุต (ระยอง)-ท่าเรือแหลมฉบัง (ชลบุรี) 2.เส้นทางท่าเรือไฟร์ซัน (สมุทรสงคราม)-ท่าเรือแหลมฉบัง (ชลบุรี) และ 3.เส้นทางท่าเรือแหลมฉบัง (ชลบุรี)-ท่าเรือสุราษฎร์ธานี อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม และความคุ้มค่า รวมถึงข้อกฎหมายด้วย 

รายงานข่าวจาก กทท. ระบุว่า ก่อนหน้านี้ กทท. ได้เผยรูปแบบการบริหารสายการเดินเรือแห่งชาติ พบว่า ควรเน้นการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน โดยรัฐลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 25% จะทำให้มีความเหมาะสมและคล่องตัวในการบริหารงานที่เกี่ยวข้องในด้านการตัดสินใจที่รวดเร็ว เป็นการดึงจุดเด่นของภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งทางชายฝั่งของไทย ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ผ่านการจ้างงานในธุรกิจการเดินเรือและกำไรที่ได้จากผลประกอบการ ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางอ้อมไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การต่อเรือ การประกันวินาศภัยทางทะเล เป็นต้น 

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น กทท. คาดการณ์ปริมาณสินค้าที่จะมาใช้บริการเรือบรรทุกตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ของบริษัทสายการเดินเรือแห่งชาติเมื่อเปิดให้บริการฯ ประมาณ 2% ของการส่งออกและนำเข้า คิดเป็นจำนวนสินค้าคอนเทนเนอร์ 31,005 ที.อี.ยู. ขนาดของเรือที่จะเข้ามาให้บริการเป็นเรือตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ขนาด 1,500 ที.อี.ยู. จำนวน 4 ลำ แต่ละลำทำรอบหมุนเวียน 8 รอบต่อปี 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มนพร สั่งเร่งแก้ไขปัญหาจราจร หน้าโรงเรียนบ้านเวินพระบาท นครพนม

“เดือน มนพร” แก้ปัญหาจราจรตรงจุด เพิ่มจุดกลับรถหน้า รร. หลังชาวบ้านร้องกระทบการสัญจร สั่งเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก

'รมช.คมนาคม' ตอกหน้า 'ศิริกัญญา' อ่านรายงาน 'แลนด์บริดจ์' ผิดฉบับ

'มนพร' ตอก 'ศิริกัญญา' อ่านรายงานแลนด์บริดจ์ผิดฉบับ เย้ยใช้รายงานเดิม จะตั้งกมธ.ใหม่ทำไม ลั่นรัฐบาลไม่ใช่แค่กล้าสบตาประชาชน แต่เปิดหูเปิดตารับฟัง

'รมว.พลังงาน' ชง ครม. ลดค่าไฟฟ้างวดใหม่ ยันพยายามทำดีที่สุด

'รองโฆษกรัฐบาล' เผยประชุม ครม. อังคารนี้ กระทรวงพลังงานจ่อชงลดค่าไฟฟ้างวดใหม่ ม.ค. - เม.ย.67 ยันพยายามทำให้ดีที่สุด เข้าใจความเดือดร้อนประชาชน