ก.ล.ต.กล่าวโทษ 3 อดีตผู้บริหารสตาร์คอินไซต์ขายหุ้น STARK

ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร STARK กับพวกรวม 3 ราย ต่อ DSI กรณีขายหุ้น STARK โดยอาศัยข้อมูลภายใน

27 ธ.ค.2566 - สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษอดีตผู้บริหารบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) รวม 3 ราย ได้แก่ 1.นายชนินทร์ เย็นสุดใจ 2.นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ และ 3.น.ส.ยสบวร อำมฤต ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีขายหุ้นของ STARK โดยอาศัยข้อมูลภายใน และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติม พบการกระทำผิดของบุคคล 3 ราย ได้แก่ นายชนินทร์ (ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของ STARK) นายศรัทธา (ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และเลขานุการบริษัทของ STARK) และ น.ส.ยสบวร ได้ร่วมกันใช้ข้อมูลภายในที่มีผลกระทบด้านลบต่อราคาหลักทรัพย์ของ STARK โดยขายหุ้น STARK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ น.ส.ยสบวร ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ก่อนที่ STARK จะเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และพบว่า เงินค่าซื้อขายหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวยสบวรมีความเกี่ยวข้องกับนายชนินทร์และนายศรัทธา

สำหรับข้อมูลภายในที่บุคคลทั้ง 3 รายข้างต้นได้ร่วมกันกระทำผิด เป็นข้อมูลเกี่ยวกับข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีถึงพฤติการณ์อันควรสงสัยว่ามีการตกแต่งงบการเงิน อันนำไปสู่การที่ STARK ไม่สามารถส่งงบการเงินประจำปี 2565 ได้ทันตามเวลาที่กำหนด โดยข้อมูลดังกล่าวมีสาระสำคัญด้านลบต่อราคาหรือมูลค่าหลักทรัพย์ของ STARK และเป็นข้อมูลภายในที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถคาดการณ์ได้

การกระทำของนายชนินทร์ นายศรัทธา และ น.ส.ยสบวร เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 242 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 3 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อ ปปง. ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อไป และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม ซึ่งหลายเรื่องมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยหากได้ผลการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้วจะสื่อสารให้ทราบต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก.ล.ต. เตือนประชาชนระวังใช้บริการ 'โบรกฯเถื่อน' หลอกลงทุนโทเคนดิจิทัล

ก.ล.ต. เตือนประชาชนให้ระมัดระวังการใช้บริการกับผู้ให้บริการด้านการลงทุนที่ไม่ได้รับอนุญาต และการหลอกลวงให้ลงทุนผ่านช่องทางต่าง ๆ

กกพ. ตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย ถึง ส.ค. 67

กกพ. ประกาศตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย ขณะที่ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย จนถึงเดือน ส.ค. 67

บุญถาวร ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. ขาย IPO ไม่เกิน 320 ล้านหุ้น

BOON ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขาย IPO ไม่เกิน 320 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ชูศักยภาพผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร

'อัยการคดีพิเศษ' สั่งฟ้องกราวรูด! คดีหุ้นสตาร์ค

พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 นัดฟังคำสั่งในที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอได้นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กับพวกรวม 11 คน

ลุ้น! อัยการคดีพิเศษ สั่งคดี 'หุ้นสตาร์ค' ครั้งแรก

จากกรณี นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานอัยการคดีพิเศษขึ้นมาพิจารณาคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)