SNNP กางแผน 5 ปีดันยอดทะลุ 1.2 หมื่นล้าน เสริมแกร่งพอร์ตพร้อมแตกไลน์กลุ่มสินค้าใหม่

21 ก.พ. 2567 – นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจในช่วงระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ บริษัทต้องการผลักดันรายได้ให้ก้าวขึ้นสู่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการเติบโตที่มาจากทั้งการทำธุรกิจในและประเทศไทยรวมถึงตลาดต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในช่วงที่ผ่นมาตลาดอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทยมีมูลค่ากว่า 8.7 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 10% ในปี 2566 ถ้าแบ่งตลาดอาหารเสริมในไทยตามคุณประโยชน์ กลุ่มอาหารเสริมที่เน้นคุณโยชน์สุขภาพโดยรวมมีสัดส่วนถึง 29% หรือประมาณ 25,230 ล้านบาท จากการศึกษาพฤติกรรมและมุมมองของผู้บริโภคต่อสินค้ากลุ่มอาหารเสริมในประเทศไทย ทำให้ทราบถึงความต้องการของผู้บริโภค จึงได้พัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น ซึ่งยังไม่มีใครนำเสนอในตลาด ขณะเดียวกันยังมองว่าผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุ มีความต้องการ อาหารเสริมในปริมาณที่ไม่เท่ากันอีกด้วย ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงกำหนดกลยุทธ์เป็น New S Curve ของ SNNP เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2567 ซึ่งจากผลวิจัยและกลยุทธ์ดังกล่าวทางบริษัท จึงนำมาพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ “เจเล่ฟิตต์” ที่ออกแบบมาให้ฟิตต์แต่ละช่วงวัย และเป็นครั้งแรกที่ SNNP วางตลาดสินค้าอาหารเสริมในตลาดพรีเมียมแมส

ส่วนการสื่อสารการตลาดได้จัดทำหนังโฆษณาออนไลน์ มีการแจกสินค้าตัวอย่าง และทำสื่อสารผ่าน KOL สาย HCP (บุคลาการทางการแพทย์) และสายไลฟ์สไตล์ ที่ได้มีโอกาสทานผลิตภัณฑ์จริงๆ มาแบ่งปันประสบการณ์การทาน และถือเป็นครั้งแรกสำหรับการเปิดห้องให้ความรู้กับรายการ Fitt Talk by Jele Fitt ซึ่งเป็น social club เปิดให้มีการพูดคุยในทุกปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัย รวมไปถึงการแจกสินค้าตัวอย่างให้กลุ่มเป้าหมายตามมหาวิทยาลัย และอาคารสำนักงาน การวางสินค้าที่โดดเด่นบนชั้นวางสินค้า ด้วยแผนการตลาดทั้งหมด สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 80% สำหรับ 1 ซอง  บรรจุ 27 กรัม ราคาจำหน่ายอยู่ที่ซองละ 15 บาท มีวางจำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

นายวิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้มองว่าจะยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการที่จะต้องหากลยุทธ์มาขับเคลื่อนให้ธุรกิจมีการเติบโต ซึ่งจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ของบริษัท คาดว่าจะสามารถทำรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือ 23% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ส่วนรายได้รวม 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 445  ล้านบาท หรือ 8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 5,604 ล้านบาท โดยปัจจุบันภาพรวมตลาดขนบขบเคี้ยวในไทยมีการเติบโตเฉลี่ย 3-5%  มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

เพิ่มเพื่อน