คลังชี้เศรษฐกิจภูมิภาคเริ่มฟื้นตัว

“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค เดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเกือบทุกภูมิภาค สะท้อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคตทั้งในภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ”

29 ธ.ค. 2564 นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนธันวาคม 2564 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค เดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเกือบทุกภูมิภาค สะท้อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคตทั้งในภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ”

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ปรับเพิ่มจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 76.7 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปรับตัวดีขึ้น  อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคบริการในอนาคตที่ดีขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 72.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนโดยเป็นความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่าความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปรับตัวดีขึ้น   

และมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตรเนื่องจากสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ประกอบกับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เช่น สับปะรดและมันสำปะหลัง เป็นต้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 72.0 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้นโดยเป็นความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบมีความเชื่อมั่นในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในภาคบริการ จากนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวและยอดจองที่พักเพิ่มขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ 69.6 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในภาคบริการ เนื่องจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในภาคการลงทุน เนื่องจากผู้ประกอบการมั่นใจในการลงทุนเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ปรับตัวดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ 67.9 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นภาคบริการที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการทัวร์เที่ยวไทย สำหรับความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 67.2  แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการภาคบริการกลับมาให้บริการตามปกติเพิ่มขึ้น และมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตร เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น อ้อย และข้าว เป็นต้น สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 55.1 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่าความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมจากประเทศคู่ค้าจะเพิ่มขึ้น และมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคเกษตร เนื่องจากคาดว่าผลผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่จะเพิ่มขึ้น 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เชียงใหม่วิกฤต! ฝุ่น PM2.5 ทะลุ 400 เกินค่ามาตรฐาน 22 เท่า

ปํญหาหมอกควันไฟป่าภาคเหนือและเชียงใหม่กลับมาวิกฤต! พุ่งสูงอีกระลอกทะลุ 400 ความเข้มข้น PM2.5 เกิน 22 เท่าค่ามาตรฐาน รั้งอากาศแย่ที่ 5 โลก

'พิมพ์ภัทรา' ชงครม. ของบ 270 ล้านสร้างศูนย์ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก

“พิมพ์ภัทรา” ถกครม. ดันโครงการตามข้อเสนอกรอ. จังหวัดแพร่ ที่ สร้างศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้และออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้สักแห่งประเทศไทย ในวงเงินงบประมาณ 270 ล้านบาท พร้อมนำคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจราชการ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน)