'คลัง' ฟุ้งเศรษฐกิจ ก.พ. สัญญาณดี กางอานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน

‘คลัง’ กางตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ. 2567 ปลื้มยังโตไม่หยุด รับอานิสงส์ส่งออกทะยาน 7 เดือนติด ท่องเที่ยวยังแรง พร้อมเกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจใน-นอกประเทศ หวั่นกระทบภาคการผลิต

28 มี.ค. 2567 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ. 2567 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัว 3.6% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย รวม 3.35 ล้านคน คิดเป็น 58.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่อเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยถึง 22.2 ล้านคน ขยายตัว 9.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

นอกจากนี้ ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.7% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 63.8 จากระดับ 62.9 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และสูงสุดในรอบ 48 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ –29.4% ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ –15.4%

“การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ หมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนสินค้าข้าว ยางพารา นมและผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวได้ดีตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ชะลอตัว ขณะที่ตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดทวีปออสเตรเลีย สหรัฐฯ และอินโดจีน-4 รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่น ๆ อาทิ ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS)” นายพรชัย กล่าว

สำหรับภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.5% จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี ข้าวโพด ยังคงขยายตัว สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.0 จากระดับ 90.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทย

อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.พ. 2567 อยู่ที่ -0.77% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.43% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2567 อยู่ที่ 62.2% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.พ. 2567 อยู่ในระดับสูงที่ 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

เพิ่มเพื่อน