‘สรรพากร’ ปรับแบบฟอร์มยื่นภาษีออนไลน์เพิ่มช่องกรอกกำไรขายสินทรัพย์ดิจิทัลฯ

“สรรพากร” แจงช่องกรอกเงินได้จากกำไรการขายคริปโตเคอเรนซี่-สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่ ระบุแค่ทำให้ชัดเจน อำนวยความสะดวกผู้เสียภาษี

4 ม.ค. 2564 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า รูปแบบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2564 แบบออนไลน์ ที่เริ่มยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 นั้น มีการปรับรูปแบบให้มีความง่ายและชัดเจนมากขึ้น โดยเมื่อเข้าไปในระบบจะเห็นทันทีว่าผู้ยื่นแบบจะต้องกรอกข้อมูลรายได้อะไรบ้าง เช่น เงินได้จากเงินเดือน เงินได้จากอาชีพอิสระ เงินได้จากเงินปันผล เงินได้จากดอกเบี้ย และเงินได้จากกำไรจากการขายคริปโตเคอเรนซี่ และสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ

ทั้งนี้ ในส่วนของการให้แจ้งเงินได้จากกำไรจากการขายคริปโตเคอเรนซี่ และสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ว่าให้เก็บภาษีจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว แต่ที่ผ่านมารูปแบบการยื่นภาษีออนไลน์ยังไม่มีความชัดเจน จึงได้มีการปรับรูปแบบใหม่ให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้เสียภาษีจำนวนมากมีเงินได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวเพิ่มขึ้น

“รูปแบบการยื่นภาษีออนไลน์แบบใหม่นี้ กรมสรรพากรได้ออกแบบจากผู้เสียภาษีจริงว่าเวลาจะยื่นแบบภาษีทางออนไลน์ จะมีความต้องการอะไรบ้าง เพื่อให้การยื่นแบบง่ายที่สุด ซึ่งหัวข้อที่สำคัญ คือ ที่ผ่านมาช่องแสดงรายได้ว่ามาจากที่ไหนบ้าง ยังไม่ชัดเจน ทางผู้เสียภาษีต้องการให้มีช่องแสดงรายได้ดังกล่าวให้ชัดเจน ไม่ควรไปซ่อนอยู่ ซึ่งอาจทำให้การยื่นเสียภาษีไม่ถูกต้อง กลายเป็นการเลี่ยงจ่ายภาษี ทั้งที่จริง ๆ ผู้เสียภาษีไม่ได้ต้องการเลี่ยงจ่ายภาษีแต่อย่างใด” นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้ที่มาจากกำไรจากการขายคริปโตเคอเรนซี่ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นไปตามหลักปฎิบัติปกติของกรมสรรพากร ซึ่งผู้เสียภาษีมีหน้าที่ประเมินตัวเอง และต้องแจ้งข้อมูลรายได้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่ามีเงินได้จากทางไหนบ้างให้ครบถ้วน ในส่วนของกรมสรรพากรก็มีระบบบิ๊กดาต้า (big data) ที่จะมีการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มเสี่ยงที่จะมีการยื่นภาษีไม่ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อนำมาวิเคราะห์ พิจารณา เพื่อให้แจ้งให้ผู้เสียภาษี ดำเนินการอย่างถูกต้อง ครบถ้วนต่อไป

โดยกรมสรรพากรมีอำนาจในการประเมินภาษีเงินได้ย้อนหลัง 10 ปี ดังนั้นผู้เสียภาษีควรยื่นแบบและชำระภาษีให้ถูกต้อง เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

อย่างไรก็ดี ยังตอบไม่ได้ว่ากรมสรรพากรจะมีรายได้ในการจัดเก็บภาษีจากกำไรจากการขายคริปโตเคอเรนซี่และสินทรัพย์ดิจิทัลเท่าใด คงต้องรอให้ถึงวันที่ 7 เม.ย. 2565 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นแบบภาษีทางออนไลน์ก่อน แต่เบื้องต้นคาดว่าคงมีรายได้เข้ามาจำนวนหนึ่ง และจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ลากไส้ กม.ยุคเพื่อไทยมีมารร้ายอยู่ในรายละเอียด!

'ชัยวัฒน์' โต้ 'เผ่าภูมิ' ยัน พรรคประชาชนอ่านกฎหมายชัดเจนทุกบรรทัด และมองระหว่างบรรทัดด้วย เพราะ 'มารร้ายอยู่ในรายละเอียด' ทุกวันนี้ทุนเทาเข้ายึดไทยเรียบร้อยแล้ว

เอวัง!‘คนละครึ่ง พลัส เฟส2’ไปต่อไม่ได้ขัดข้อกฎหมาย

เอวัง! ‘เอกนิติ’ แจงถก กกต. แล้วยืนยันเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส2 ไม่ได้ ชี้ติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ก็ทำไม่ได้เช่นกัน ระบุ ครม.รักษาการผูกพันงบไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ

‘เอกนิติ’แจงศก.ไทยรับไม่ได้หลังบาทแข็งโป๊ก ถกธปท.ดูแลใกล้ชิด

‘เอกนิติ’ แจงเศรษฐกิจไทยรับไม่ได้หลังบาทแข็งโป๊ก เร่งหารือแบงก์ชาติ ประสานนโยบายดูแลใกล้ชิด พร้อมมอบนโยบายคลังช่วยบรรเทา โยนส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจพิจารณานำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็น กระทุ้ง สบน. เร่งคืนหนี้ต่างประเทศ

‘เอกนิติ’กางผลงาน2เดือนกว่าปัก5เสาหลัก1ฐานรากฟื้นศก.

‘เอกนิติ’ โพสต์ขอบคุณ ‘นายกรัฐมนตรี’ เห็นความตั้งใจ-จริงใจ ให้โอกาสเข้ามาทำงาน 2 เดือนกว่าช่วยดูแลเศรษฐกิจประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมขอบคุณแรงสนับสนุน-ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานรัฐ-เอกชน ผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงคลัง เดินหน้ามาตรการ ‘Quick Big Win’ ปัก 5 เสาหลัก 1 ฐานราก ฟื้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม

คลัง’ลุยชงครม.เคาะTISAก่อนสิ้นปี68จ่อถอยปมลดหย่อน0.7-1.3เท่าชี้เป็นแค่ตุ๊กตา!

‘เอกนิติ’ แจงพร้อมรับฟังทุกความเห็นโครงการ TISA หนุนออมส่วนบุคคลลดหย่อนภาษีสูงสุด 8 แสนบาท ยืนยันไม่ต้องการทำให้ใครเสียประโยชน์และไม่ได้คิดผลทางการเมือง จ่อถอยปมอัตราลดหย่อนภาษี 0.7 และ 1.3 เท่า ชี้ยังเป็นแค่ตุ๊กตา เร่งเครื่องพิจารณารายละเอียดปักธงชง ครม. ภายในปี 2568 คาดเริ่มใช้ได้ในปีภาษี 2569

รัฐบาลอัดฉีดแพ็กเกจใหญ่ เพิ่มสภาพคล่อง SME มาตรการสินเชื่อ-คืนภาษี วงเงิน 3.27 แสนล้าน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 มีมติเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย