สศอ.ชี้ปัญหาอุตสาหกรรมไทย หวั่นความสามารถในการแข่งขันลดลง ผุดไอเดียจัดทำดัชนี MPI รายพื้นที่ หวังปรับโครงสร้างสู่ยุคใหม่ มีข้อมูลเชิงลึกเอื้อการทำงานให้มีประสิทธิภาพ พร้อมแนะใช้ต้นทุนในพื้นที่อย่างเหมาะสม
12 ก.ย. 2567 – นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยในฐานะประธานเปิดงานและกล่าวในงานสัมมนา “Transform Regional Industry to the Future : อุตสาหกรรมไทยต้องปรับ หรือ เปลี่ยน” ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลภาคอุตสาหกรรมและการจัดทำดัชนีอุตสาหกรรมในระดับรายพื้นที่ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทยมีอัตราการเจริญเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2566 โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญของไทยผลิตไปจำหน่ายไม่ตรงกับความต้องการของโลก นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของผลิตภาพด้านแรงงานของไทยถดถอยลง ทำให้ระดับความสามารถในการแข่งขันลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน ทำให้อุตสาหกรรมไทยต้องปรับโครงสร้างเพื่อรองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่
ทั้งนี้ สศอ. จึงได้ขยายการดำเนินงานด้านข้อมูลและการจัดทำดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ให้รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ จึงได้มีการจัดทำดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมรายพื้นที่เพื่อเป็นเครื่องมือให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมรายพื้นที่ และเมื่อนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมที่กล่าวไปแล้วนั้นเริ่มดำเนินการ MPI จะเป็นเครื่องมือที่เป็นตัวชี้วัดทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยจะขยายจากกลุ่มจังหวัดพื้นที่นำร่อง 5 พื้นที่ ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันออก (อ่าวไทย) และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“การดำเนินงานของ สศอ. ในด้านการพัฒนาดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมรายพื้นที่ ได้ถูกจัดทำขึ้นภายใต้โครงการฯ ให้มีความครอบคลุมและหลากหลายระดับพื้นที่มากขึ้น อาทิ ภูมิภาค เขตเศรษฐกิจพิเศษ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และ จังหวัด เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลภาคอุตสาหกรรมเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นางวรวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ การนำแนวคิด BCG หรือ ESG มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม และการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่ลงไปในเชิงพื้นที่ จะเป็นการกระจายความเจริญไปยังพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาในระดับพื้นที่ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือจากการพัฒนาพื้นที่ EEC แต่การพัฒนาจะกระจุกอยู่ในพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดไม่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการกระจายการพัฒนาในพื้นที่อื่น ๆ หรือการปักหมุดอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุดิบหรือศักยภาพในพื้นที่ เช่น ภาคใต้มีประชากรมุสลิมจำนวนมาก ดังนั้นอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลจึงเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือ แรงงานจะเป็นแรงงานที่มีฝีมือซึ่งเหมาะสมกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานจำนวนมากเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น อย่างอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร เป็นต้น
“ภาคอุตสาหกรรมยังต้องปรับตัวมุ่งสู่การผลิต High Standard ที่ไม่ใช่แค่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต การคำนึงถึงการผลิตที่ตอบโจทย์ของชุมชนและสังคม รวมถึงการบริหารจัดการที่โปร่งใส คำนึงถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือการผลิตที่เป็นไปตามแนวคิด ESG จากแนวคิดที่กล่าวมานั้น สศอ. ได้ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่เรียกว่า อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ เพื่อลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมต่อเนื่องการท่องเที่ยว และสอดรับกับนโยบายรัฐบาล Soft Power โดยการดำเนินงานผลักดันอุตสาหกรรมที่กล่าวมานั้น จะเป็นส่วนหนึ่งในการ Reshape the Future ของภาคอุตสาหกรรมไทย”นางวรวรรณ กล่าว