“พิชัย” แสดงความกังวลอีก บาทแข็งกระทบส่งออก ขอ ธปท. ดูแลบาทให้อ่อนค่า ดันเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อ อย่าใช้ความเป็นอิสระ เพื่อขวางทุกอย่าง จีดีพีไทยโต 1.9% มาเป็น10ปี ถึงเวลาต้องไล่ล่าจีดีพี บอกพร้อมหมด เจอที่ไหน
26 ก.ย. 2567 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีความกังวลกรณีที่เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการส่งออกเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมา ได้เดินหน้าผลักดันการส่งออกสินค้าไทยอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการขายสินค้ามีความยากอยู่แล้ว เพราะมีคู่แข่ง และการประสบปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ก็ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสกัด ทำให้ขายสินค้าแพงขึ้น ทำให้ขายสินค้ายากขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ไม่อยากให้มีการแบ่งข้างระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยากให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก หากค่าเงินบาทไทยอ่อนลง ก็จะทำให้การส่งออกสินค้าไทยมากขึ้น ทำให้มีรายได้เข้าประเทศและเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น จึงอยากให้ ธปท. กำกับดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และอยากให้ผู้ว่า ธปท. เข้าใจถึงผลกระทบของเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมา หลายประเทศในอาเซียนค่าเงินอ่อนกว่าไทย ขณะนี้เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น 6-7% แล้ว
สำหรับข้อเสนอในการดูแลค่าเงินบาท เพราะอยากเห็นประเทศไทยเจริญก้าวหน้า ไม่ได้มีปัญหากับใคร แค่ต้องการให้ ธปท. กำกับดูแลค่าเงินบาท ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง เพราะจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ โดยเดือน ส.ค. ส่งออกไทยโต 15.8% เดือน ก.ย.โตอีก 7% แต่หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นแบบนี้ ก็จะทำให้ยอดการส่งออกลดลงเรื่อย ๆ
“ผมมองว่า อิสระของแบงก์ชาติ คือ อิสระ เพื่อให้ประเทศเจริญ ไม่ใช่อิสระ เพื่อขวางทุกอย่าง มันไม่ใช่ ถ้าเกิดเศรษฐกิจของประเทศเจริญดีเติบโต 7-8% แล้วแล้วมันร้อนแรงเกิน เงินเฟ้อจะเยอะ ระบบมีปัญหา เมืองนอกเค้าก็อย่างนี้ เค้าออกมาขวาง ออกมาสกัด เพื่อไม่ให้ร้อนแรง แต่ตอนนี้เราโต 1.9% ตลอดเวลามา 10 ปี เศรษฐกิจมันแย่ขนาดนี้ แล้วท่านบอกว่า ท่านไม่ได้สนใจแล้ว ไม่ต้องไล่ล่าจีดีพี ผมว่า ท่านเข้าใจผิด”
อย่างไรก็ตาม ตามที่เห็นข่าว ทราบว่า ผู้ว่าฯ ธปท. จะนัดหารือกับตน แต่ยังไม่ได้รับนัด ขอให้มา พร้อมที่จะคุยกันเสมอ จะมาที่กระทรวงพาณิชย์หรือที่ไหนก็ได้ และในหลักการยังเคารพกันเสมอ อย่าแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อทำให้ประเทศเจริญ เพราะหลายประเทศ เวลานี้เป็นประเทศรายได้สูงไปแล้ว อย่างเช่น มาเลเซีย และจีน กำลังจะเป็นประเทศรายได้สูงภายในไม่กี่ปี โดยหวังขนาดจีดีพีจะสูงกว่าสหรัฐฯ เป็น 2 เท่า แต่ของไทยหากไม่ไล่ล่าจีดีพี อีกหน่อย สปป.ลาว อาจแซงไทยได้ ซึ่งในมุมของตน ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ตามหลักคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญจีดีพีก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่