
‘สภาพัฒน์’ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4/67 เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 3.2% ทั้งปี 67 ขยายตัว 2.5% ส่วนปี 68 ขยายตัวได้ 2.3 – 3.3% แนะจับตานโยบายสหรัฐและภาระหนี้สินครัวเรือน
17 ก.พ. 2568 – นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และแนวโน้มปี 2568 ว่า ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของไทย ขยายตัว 3.2% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 3% ในไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจทั้งภาคการผลิตและการใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นทุกตัว โดยเฉพาะการลงทุนรวมขยายตัวได้ดีขึ้น
สำหรับส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.5% เร่งขึ้นจาก 2% ในปี 2566 โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.4% และการอุปโภคภาครัฐบาล ขยายตัว 2.5% การลงทุนภาครัฐขยายตัว 4.8% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลง 1.6% ส่วนมูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์ ขยายตัว 5.8% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 0.4% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.3% ของ GDP
อย่างไรก็ตาม สศช. ยังประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 2.3–3.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 2.8%) ซึ่งอัตราดังกล่าวรวมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว และความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโลก และต้องจับตานโยบายสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะมาตรการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าและการจัดเก็บภาษีศุลกากร อาจทำให้ GDP ไม่ถึง 3% ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับ และความเสี่ยงจากการผันผวนในภาคการเกษตรทั้ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรสำคัญ โดยที่การลงทุนภาครัฐ การส่งออกและการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักในปีนี้
“แนวทางบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี 2568 โดยต้องเตรียมการรับมือผลุกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย การค้าของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ การเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมาขยายตัว การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว การสร้างการตระหนักรู้ถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง”นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา กล่าวว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนปี 2568 คือการเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายกาครูโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเหลื่อมปีประจำปีงบประมาณ 2568 การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนในประเทศ แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน และการขยายตัวต้องของของของของของของของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้นมกลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวไทย และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกสินค้าตามแรงส่งของการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกที่อยู่ในเกณฑ์สูงนับตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
สำหรับข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงปี 2568 ได้แก่ 1.ความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกความไม่แน่นอนจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตรในหลายภูมิภาค การปรับทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ และความเสียงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
2. ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่มีความเข้มงวดมากขึ้น สัดส่วนหนี้ครัวเรือนแม้จะลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่คุณภาพสินเชื่อครัวเรือนและสินเชื่อ ภาคธุรกิจ SMEs ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการให้สินเชื่อ
3. ความเสี่ยงความผันผวนในภาคการเกษตรทั้งผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ ๆผลผลิตเกษตรมีแมวโน้มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากสภาพลากาศที่เอื้ออำนายมากขึ้น ท่ามกลุ่ม ทามกรุงสถาบูการณผลผลิตขาวจากผู้สงออกรายใหญ่ของโลกที่เริ่มปรับตัวเขาสู่ภาวะปกติมากขึ้นจะสรางแรงกดดันไหราคาสินค้าเกษตรลดลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เท้ง' ถอนหงอก 'แม้ว' พูดคำโต แต่ทำไม่ได้!
หัวหน้าพรรคปชน. ซัด 'ทักษิณ' โชว์วิชั่น 'เศรษฐกิจดิจิทัล' อาจซ้ำรอย 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ที่เคยประกาศแจกพร้อมกันให้เกิดพายุหมุน แต่ต้องแบ่งเป็นเฟส แนะเลิกใช้ภาษีประชาชนแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลั่นอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง ไม่ใช่แค่คำพูดที่ดูโต แต่ทำไม่ได้
'เจิมศักดิ์' กาง 7 ข้อ วิเคราะห์ 'รัฐบาลแพทองธาร' กับค่าเสียโอกาสและผลกระทบ
'เจิมศักดิ์-นักวิชาการเศรษฐศาสตร์' ยก 7 ประเด็นสำคัญ สะท้อนถึงค่าเสียโอกาสและผลกระทบจากการดำรงตำแหน่งของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ชี้ความไม่ชัดเจนทางการเมืองและเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศไทย
ผงะ! ขุนคลัง ขอร่วมวงถก สมาคมแบงก์
“ขุนคลัง” ส่งซิกร่วมประชุมสมาคมแบงก์ หวังถกปลดล็อกปล่อยกู้ กระทุ้งหั่นดอกเบี้ย พร้อมเร่งหาข้อสรุปมาตรการ LTV ให้จบก่อนสิ้นเดือนนี้ “นักวิชาการ” หนุนหวยเกษียณ แต่แนะเพิ่มเงินรางวัล