'แบงก์ชาติ' ห่วงภาษีทรัมป์กดGDPหลุดเป้า

‘แบงก์ชาติ’ แจงมาตรการภาษีสหรัฐฯ กดจีดีพีปี 2568 โตหลุดเป้าหมาย คาดเหลือต่ำกว่า 2.5% พร้อมกางผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 5 ช่องทางหลัก การเงิน-ลงทุน-ส่งออก-แข่งขันรุนแรง-เศรษฐกิจโลกชะลอ ยันจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด หวั่นเกิด disruption กลุ่มสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ

17 เม.ย. 2668 – นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Media Briefing หัวข้อ “วิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายการค้าโลกต่อเศรษฐกิจไทย” ว่า จากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก จะส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย โดยคาดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อ ทำให้มีผลกระทบส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทยในหลายช่องทาง

ทั้งนี้ การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยในอัตรา 36% ของสหรัฐฯ มีผลให้ต้องปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2568 จากปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% โดยเชื่อว่าจะเหลือต่ำกว่า 2.5% อย่างแน่นอน ซึ่งจะเห็นผลกระทบชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบวันที่ 30 เม.ย.2568 จะมีการพิจารณาปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 ใหม่อีก

สำหรับผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก จะส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทยและใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน โดยในระยะสั้น มองว่า ตลาดการเงินผันผวนขึ้น เริ่มเห็นการผลิต การค้า และการลงทุนบางส่วนชะลอเพื่อรอความชัดเจน ขณะที่จะเห็นผลของ tariff ต่อการส่งออกมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยความรุนแรงของผลกระทบจะขึ้นกับภาษีที่ไทยถูกจัดเก็บเทียบกับประเทศคู่ค้า และการตอบโต้ระหว่างประเทศเศรษฐกิจหลักและสหรัฐฯ ซึ่งผลต่อเศรษฐกิจการเงินไทยจะมีผ่าน 5 ช่องทางหลัก

1. ตลาดการเงิน ราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินโลกและไทยผันผวนมากขึ้น ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนวันที่ 2 เม.ย. เล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นปรับลดลงสอดคล้องกับภูมิภาค ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่เห็นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ในส่วนของภาวะการระดมทุนผ่านหุ้นกู้โดยรวมยังเป็นปกติ โดยต้องติดตามผลจากภาวะการเงินต่อธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก tariff อย่างใกล้ชิด ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี

2. การลงทุน ความไม่แน่นอนที่ยังสูงต่อเนื่องทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจและการลงทุน ชะลอออกไป (wait and see) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นหลัก (อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร และยานยนต์) ซึ่งเริ่มเห็นผลดังกล่าวบ้างแล้ว จากการหารือกับผู้ประกอบการในกลุ่มดังกล่าว
มีบางส่วนรอความชัดเจนเพื่อตัดสินใจการลงทุนใหม่จากแผนเดิมที่วางไว้ ในระยะต่อไป หากไทยถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าประเทศอื่นอาจเห็นการย้ายฐานการผลิตออกจากไทย

3. การส่งออก เป็นช่องทางหลักที่ได้รับผลกระทบจาก tariff แต่ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี เพราะมีการชะลอการบังคับใช้ reciprocal tariff ออกไป 90 วัน จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีเป็นต้นไป และน่าจะเห็นการเร่งส่งออกในไตรมาส 2/2568 เช่น อาหารแปรรูป โดย exposure ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และคิดเป็น 2.2% ของจีดีพี โดยกลุ่มหลัก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป อีกทั้งจะมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยที่อยู่ใน supply chain ของโลก ที่ผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ด้วย โดยเฉพาะยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ คิดเป็นประมาณ 4.3% ของการส่งออกไทย

4. การแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้น สินค้าไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้น้อยลง และหันมาส่งออกไปยังตลาดเดียวกับไทย รวมถึงส่งมายังไทย โดยเฉพาะหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โลหะ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหาในภาคการผลิตที่มีอยู่เดิม และ 5. เศรษฐกิจโลกที่จะชะลอลง การส่งออกโดยรวมและรายรับการท่องเที่ยวอาจถูกกระทบจากเศรษกิจคู่ค้าที่ชะลอตัว รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกจะปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าและเงินเฟ้อของไทยชะลอลงจากปัจจัยด้านอุปทาน

ทั้งนี้ ธปทจะติดตามสถานการณ์ภาพรวมอย่างใกล้ชิด และจะจับตาโอกาสที่อาจเกิด disruptionในกลุ่มสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ รวมถึงการเข้ามาแข่งขันของสินค้านำเข้า โดยจะติดตามข้อมูลเร็วด้านการค้า เช่น ธุรกรรมการส่งออกและนำเข้า, การผลิตและการจ้างงาน เช่น การแจ้งหยุดกิจการชั่วคราว ตาม ม.75 พรบ. คุ้มครองแรงงานฯ, ภาวะการเงิน เช่น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ และต้นทุนการกู้ยืมผ่านหุ้นกู้ภาคเอกชน และ sentiment การลงทุน เช่น การขออนุมัติส่งเสริมการลงทุน และการขอขยายเวลาการออกบัตรฯ เพื่อเลื่อนการลงทุนออกไป

นอกจากนี้ ธปทจะดูแลการทำงานของกลไกตลาดต่าง ๆ (market functioning) ให้ดำเนินเป็นปกติอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดูแลความผันผวนในตลาดการเงินที่สูงกว่าปกติในช่วงนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อ
การปรับตัวของภาคเศรษฐกิจจริง

นโยบายการค้าโลกที่เปลี่ยนไป ถือเป็นปัจจัยที่จะเปลี่ยนโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยและโลกอย่างถาวร ทำให้ต้องเร่งปรับตัว โดยในระยะสั้นนอกจากเรื่องการเร่งเจรจากับสหรัฐฯ ไทยควรมีมาตรการรับมือ ทั้งการแข่งขันของสินค้าจากต่างประเทศ และป้องกันการนำเข้าสินค้ามาเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ผ่านไทย (transshipment) เช่น กำหนดมาตรฐานสินค้านำเข้าและความคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ การเร่งรัดกระบวนการไต่สวน (AD/CVD และ AC) ข้อพิพาทกับต่างประเทศ การเข้มงวดกับการตรวจสอบสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ป้องกันการสวมสิทธิจากประเทศที่สาม เป็นต้น” นายสักกะภพ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในระยะยาว มองว่า ไทยควรขยายตลาดและเสริมสร้าง supply chain โดยเฉพาะกับประเทศในภูมิภาค และต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อให้แข่งขันในห่วงโซ่อุปทานของโลกได้ เช่น ยกระดับภาคการผลิตและภาคบริการที่ไทยมีศักยภาพ เช่น สินค้าเกษตรแปรรูป อาหาร การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ โดยเฉพาะการวิจัยและนวัตกรรม ทักษะแรงงาน และการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิชัย' แจงยิบ 5 ข้อเสนอเจรจาสหรัฐ หวังลดภาษีเหลือ 10%

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจาเรื่องกำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกาว่า ประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯ ผ่านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ถึง นายเจมสัน กรีเออร์

'ดร.กอบศักดิ์' จับตา สงครามการค้า สหรัฐ กับ จีน ยกสอง จีนอาจจะไม่ยอม

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า