กกพ.รับราคาพลังงานพุ่งกระทบค่าไฟประชาชน

กกพ.รับราคาพลังงานพุ่ง กระทบค่าไฟประชาชน เล็งตั้งกองทุนแก้ปัญหาระยะยาว ช่วยพยุงค่าไฟประชาชนในช่วงราคาพลังงานพุ่งไม่หยุด เดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหวังแก้ปัญหาขาดแคลนก๊าซฯ อ่าวไทย

7 ก.พ. 2565 – นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว การผลิตสินค้าต่างๆ มีกำลังผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การใช้พพลังงานทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้ผลิตมีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้นด้วย ดังนั้น อาจส่งผลต่อราคาค่าไฟที่สูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ทิศทางค่าไฟฟ้าปี 2565 อาจจะต้องปรับขึ้นแบบขั้นบันได

“การที่ประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติ (แอลพีจี) เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิง โดยส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้า และอีกส่วนหนึ่งคือการดึงเอาก๊าซฯ จากอ่าวไทยขึ้นมาใช้ประโยชน์ของผู้ได้รับสัมปทาน อีกทั้ง ราคาเชื้อเพลิงดังกล่าวก็จะอิงกับราคาน้ำมันด้วยเช่นกัน เมื่อน้ำมันมีราคาสูง ราคาก๊าซฯ ก็สูงขึ้นด้วย”นายคมกฤช กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของสัมปทานแหล่งก๊าซฯ เอราวัณเดิมที่สามารถผลิตก๊าซฯ ได้เฉลี่ย 1,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ที่มีปริมาณลดลง โดยผู้ได้รับสัมปทานรายใหม่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. จะต้องใช้เวลาในการเพิ่มกำลังผลิตจากสัญญา แต่ในช่วงรอยต่อของการเข้าไปบริหารกิจการเดือนเมษายน 2565 จะเหลืออยู่ที่ราว 420-425 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากสัญญาแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) กำหนดไว้ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

“จากรายงานของปตท.สผ.ได้คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี เพื่อจำทำให้แหล่งเอราวัณจะกลับมาผลิตก๊าซฯ ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาพีเอสซี ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเพิ่มมากขึ้น และอาจกระทบกับต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ที่เบื้องต้นที่คาดการณ์ว่าเมื่อราคาเชื้อเพลิงถูกลงก็จะต้องปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (เอสที) โดยกกพ.ได้มีความบรรเทาผลกระทบโดยปรับขึ้นราคาเป็นขั้นบันได โดยมองว่าแนวโน้มราคาค่าไฟอาจจะขึ้นทั้งปี”นายคมกฤช กล่าว

อย่างไรก็ตาม กกพ.ได้พิจารณานําเงินผลประโยชน์ของบัญชี Take or Pay แหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมาจำนวน 13,594 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ไปช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่า Ft โดยนําส่งเงินและลดราคาค่าก๊าซธรรมชาติให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนในรอบงวดที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้จากทิศทางราคาพลังงานที่สูงขึ้น กกพ.จะพยายามหาวิธีดูแลค่าไฟประชาชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ หาพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานน้ำ และพลังงานลมเข้ามาเพิ่ม โดยจากมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 ให้รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนส่วนเพิ่มจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และหรือผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) จากสัญญาเดิมกลุ่มชีวมวลเพิ่มขึ้น 400 เมกะวัตต์ ถือเป็นหนึ่งในแนวทางลดผลกระทบลิตทบจากปริมาณก๊าซฯ ที่หายไป

นอกจากนี้ อาจจะทำในลักษณะของการตั้งกองทุนที่มีลักษณะเช่นเดียวกันบัญชี Take or Pay โดยมองในระยะยาวว่าราคาเชื้อเพลิงอาจจะผันผวน มีความไม่แน่นอน เมื่อราคาเชื้อเพลิงสูงก็จะสามารถนำเงินก้อนนี้มาช่วยอุดหนุนและใช้ในระยะยาว เพื่อพยุงราคาให้ลดลงได้ในระดับหนึ่ง ส่วนแผนพลังงานทดแทนในปี 2565 อาทิ โซลาร์ภาคประชาชน กกพ.อยู่ระหว่างเตรียมประกาศสัญญาซื้อขายเข้าระบบ ส่วนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จะมีการรับซื้อตามลำดับ

“ช่วงเดือนมี.ค.2565 กกพ.จะออกประกาศมติอีกในรอบใหม่อีกครั้ง เบื้องต้น ราคาน่าจะขยับนิดหน่อยจากมติเมื่อเดือนพ.ย.2564 ที่เรียกเก็บค่าค่า Ft งวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2565 เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15.32 สตางค์ในงวดก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่ากกพ.จะพยายามทำให้ค่าไฟมีเสถียรภาพมากที่สุด” นายคมกฤช กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกพ. ตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย ถึง ส.ค. 67

กกพ. ประกาศตรึงค่าเอฟที 39.72 สตางค์/หน่วย ขณะที่ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย จนถึงเดือน ส.ค. 67

กกพ.ชี้การทำงานยากขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานใหม่

กกพ.ชี้การกำกับพลังงานยากขึ้น ย้ำไทยยังต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ชี้พลังงานหมุนเวียนยังพึ่งพาไม่ได้ 100% พร้อมเผยความท้าทายใหม่ ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานใหม่ และความพร้อมของโครงข่ายไฟฟ้ารับการซื้อขายในอนาคต

รมว.พลังงาน สั่งเพิ่มของขวัญปีใหม่ ลดค่าไฟ ไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดตลอด 10 วัน

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาของขวัญปีใหม่เพิ่มเติมให้แก่ประชาชน หลังจากที่ได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว