
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 8 เดือน แต่อ่อนค่ากลับมาเล็กน้อยช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดติดตามสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างใกล้ชิด
13 มิ.ย. 2568 – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 8 เดือนที่ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงกลางสัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐฯ (แม้จะมีสัญญาณความคืบหน้าของเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ตามภาพรวมการอ่อนค่าของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนกลับมาบางส่วนท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดของการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทยังเป็นไปอย่างจำกัด เพราะยังคงมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
สำหรับในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.47 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 594 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 8,802 ล้านบาท
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-20 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC และ Dot Plot ใหม่ของเฟด (17-18 มิ.ย.) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า และสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนมิ.ย. ข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ค. (อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราว่างงาน) และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (16-17 มิ.ย.) ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (18 มิ.ย.) ธนาคารกลางอังกฤษ (19 มิ.ย.) และการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน (20 มิ.ย.) ด้วยเช่นกัน
ส่วนดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบก่อนจะขยับขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ หลังมีแรงหนุนจากรายงานความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นแล้ว ประกอบกับสหรัฐฯ ตอบรับเจรจาการค้ากับไทยอย่างเป็นทางการ แต่กรอบการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ซึ่งล่าสุดธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2568 ลงเหลือ 1.8%
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในเวลาต่อมา หลังจากที่ตอบรับประเด็นบวกข้างต้นไปพอสมควร โดยเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี แบงก์ และไฟแนนซ์ซึ่งมีประเด็นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการเข้ามากำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งของธปท. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงต่อในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังมีรายงานข่าวว่าอิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน ซึ่งกระตุ้นแรงขายหุ้นทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น
ในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,122.70 จุด ลดลง 1.21% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 30,872.70 ล้านบาท ลดลง 18.52% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.72% มาปิดที่ระดับ 237.14 จุด
อย่างไรก็ดี สัปดาห์ถัดไป (16-20 มิ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,110 และ 1,100 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (17-18 มิ.ย.) ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมิ.ย. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนไทยเฮลั่น มวยไทยได้รับการบรรจุ แข่งในกีฬาทหารโลก2027ที่สหรัฐ
ประเทศไทยเฮ! “มวยไทย” ได้บรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 ชิงชัยที่สหรัฐฯ “สุทิน คลังแสง” เปิดศึกมวยไทยทหารโลก ครั้งแรกสุดยิ่งใหญ่ พร้อมคู่พิเศษ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ขึ้นเวทีปะทะ “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” สุดเดือด!