'ปลัดคลัง' เข็นแบงก์ตั้งAMCล้างหนี้ หนุน 'ธพว.' ร่วมทุนเอสเอ็มอีอุ้มธุรกิจ

‘ปลัดคลัง’ ฟุ้งทีมไทยแลนด์เจรจาลุยเจรจาสหรัฐฯ เต็มที่ หวังได้อัตราภาษีนำเข้าใกล้เคียงภูมิภาค ยันมีงบรับมือผลกระทบ พร้อมงัดมาตรการสางหนี้ เตรียมกระทุ้งแบงก์พาณิชย์-นอนแบงก์ผุด AMC แก้หนี้เสีย หวังช่วยเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ เข็น ‘ธพว.’ เดินเครื่องร่วมทุนเอสเอ็มอี สวมบทพี่เลี้ยงประคองทำธุรกิจ หวังช่วยเติบโตไปด้วยกัน

24 ก.ค. 2568 – นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้ทีมไทยแลนด์อยู่ระหว่างการเจรจาข้อสรุปเกี่ยวกับภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และไม่อยากให้มีการนำไปเปรียบเทียบกับประเทศที่เจรจาเสร็จแล้ว เพราะมองว่าการเจรจาต้องมีการต่อรองกัน ดังนั้นการเจรจาเสร็จเร็วแล้วได้ข้อเสนอไม่ดี แบบนั้นเจรจาไม่เสร็จดีกว่า ดังนั้นทีมไทยแลนด์จะใช้เวลาที่มีอยู่ในการเจรจาต่อรองให้เต็มที่ โดยยึดหลัก win-win

“อย่าไปบอกว่าเราจะไม่ยอมเสียเปรียบ ทุกประเทศในโลกนี้เสียเปรียบในการเจรจาครั้งนี้ทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ทีมเจรจากำลังทำ คือ ทำอย่างไรให้ win-win หรือเห็นการเสียเปรียบน้อยที่สุด เราใช้ความพยายาม คุยกับสหรัฐฯ ตลอด แต่ในชั้นการเจรจาเป็นความลับ และอยากให้มั่นใจว่ารัฐบาลเจรจาทุกวัน เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ไทยก็เพิ่งยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมไป เพื่อให้ได้ดีลที่ดีที่สุด ส่วนหลังจากวันที่ 1 ส.ค. ไทยจะโดนภาษีนำเข้าจะสหรัฐฯ เท่าไหร่ก็เป็นเรื่องที่สุดแล้วแต่ แต่ให้ประเมินเบื้องต้น ก็ยังเชื่อว่าอัตราภาษีของไทยจะอยู่ในอัตราที่เทียบเคียงกับภูมิภาค ไม่แตกต่างกัน” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว

ทั้งนี้ ระหว่างนี้รัฐบาลจะต้องทำการบ้านโดยการเร่งดูแลผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ว่าจะต้องเยียวยาหรือบรรเทาผลกระทบอย่างไร โดยเครื่องมือแรกที่มี คือ เม็ดเงินจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งได้อนุมัติไปแล้ว 1.15 แสนล้านบาท โดยขณะนี้ยังเหลือเม็ดเงินอีก 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้สามารถนำใช้ได้ทันทีในปีงบประมาณ 2568 จำนวน 2 หมื่นล้านบาท และอีกส่วนหนึ่ง ราว 2.5 หมื่นล้านบาท จะใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป เป็นการเตรียมกระสุนไว้รองรับผลกระทบที่จะเห็นได้ชัดเจนภายหลังจากสหรัฐฯ มีการประกาศในวันที่ 1 ต.ค.

ขณะเดียวกันยังมีวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงิน 1 แสนล้านบาทของธนาคารออมสิน ที่จะสามารถรองรับได้ นอกจากนี้ยังมีการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ผ่านโครงการ PGS11 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ที่จะเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในการช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายลวรณ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้รัฐบาลและกระทรวงการคลังจะเร่งเข้ามาดูแลเรื่องหนี้สินครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ โดยเบื้องต้นจะให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีความสามารถตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) พิเศษขึ้นมา เพื่อดึงหนี้เสียเข้ามาอยู่ในกลไกในการบริหรจัดการ ซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้ธนาคารพาณิชย์ตัวเบาขึ้น และพร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันจะมีการดูแลลูกหนี้ที่มีปัญหาติดบัญชีเครดิตบูโร ซึ่งปกติจะมีระยะเวลา 36 เดือน โดยจะกลไกในการบริหารจัดการ เช่น จัดกลุ่มตามสี และลดระยะเวลาลงเหลือ 6 เดือน ซึ่งระหว่างนั้นธนาคารพาณิชย์จะเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง และหากพิจารณาแล้วว่าลูกหนี้ดังกล่าวยังมีศักยภาพก็สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ต่อได้เลย ส่วนธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก หากไม่มีกำลังในการตั้ง AMC ของตัวเอง ก็สามารถมาใช้บริการ ARI-AMC ของธนาคารออมสินได้

ส่วนอีกกลุ่มที่จะต้องเข้าไปพิจารณาคือ หนี้เสียในกลุ่มนอนแบงก์ ที่จะต้องเร่งหาข้อสรุปว่าจะเอาเข้ามาใน AMC อย่างไร เพราะต้องยอมรับว่าหนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่อยู่ในนอนแบงก์ค่อนข้างมาก

“คอนเซ็ปใหญ่ได้ข้อสรุปแล้ว ตอนนี้กำลังทำในรายละเอียดอยู่ เพื่อให้สถาบันการเงินทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น ในการเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย เป้าหมายหลักคือหนี้ครัวเรือน เมื่อเอาหนี้เสียซึ่งจะพุ่งไปที่มูลหนี้ไม่ใหญ่มากก่อนมาดำเนินการ เมื่อแบงก์ตัวเบาขึ้นก็จะกล้าปล่อยกู้มากขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้นในเดือน ส.ค. 2568” นายลวรณ กล่าว

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เร่งพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านการร่วมทุน (Venture Capital) ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ครั้งนี้จะมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การเข้าไปเติมทุนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเท่านั้น แต่ ธพว. จะต้องเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง สร้างองค์ความรู้เพื่อให้ธุรกิจแข็งแรง และเติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่การเข้าไปฮุบธุรกิจ ตรงนี้ถือเป็นมิติใหม่และเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่จะเข้าไปดูแลเอสเอ็มอี ซึ่งตรงนี้จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เพิ่มเพื่อน