'พิพัฒน์' จ่อถกนายกฯ-อัยการสูงสุด หาข้อสรุปปมสัญญาไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน ระบุ ยึดของเดิมไปก่อน หวั่นรัฐเสียหาย นัดคุยผู้บริหารอีอีซี เล็งนัดประชุมบอร์ดเร็ว ๆ นี้
02 ต.ค.2568 - นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เบื้องต้นกับการตัดสินใจเกี่ยวกับสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด ผู้รับสัมปทาน หลังจากโครงการดังกล่าวล่าช้ามาหลายปี และส่งต่อการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย ขณะเดียวกัน ยังเตรียมหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาข้อกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้ได้ความชัดเจนว่าในการแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนี้ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะรัฐบาลไม่อยากให้การทำโครงการไปแล้วเกิดปัญหาตามมา และตนคงจะตัดสินใจด้วยตัวเองเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงขอหารือในเรื่องของกฎหมายให้ชัดเจนก่อน
"สิ่งที่มีการทำสัญญาไว้ตั้งแต่แรกคือต้องยึดถือในสัญญานั้น แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนสัญญา ก็คงตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะต้องหารือในเรื่องของข้อกฎหมายกับทางอัยการสูงสุดว่า สิ่งต่าง ๆ มีอะไรที่สามารถจะแก้ไขได้หรืออะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งตัวเองนั้นก็ไม่เห็นด้วย หากทำไปแล้วทำให้รัฐเกิดความเสียหาย"นายพิพัฒน์ ระบุ
รองนายกฯ และรมว.คมนาคม กล่าวว่า ในการหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ คงต้องเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ ทั้งสำนักงานอีอีซี รฟท. และบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด โดยในวันนี้จะคุยกับทางผู้บริหารของอีอีซีเพื่อรับทราบรายละเอียดความคืบหน้าการดำเนินโครงการทั้งหมดมของโครงการอีอีซีว่าเป็นอย่างไร และคงได้สอบถามถึงแนวทางการแก้ปัญหาด้วย ส่วนตัวอยากจะเร่งให้โครงการนี้ได้สำเร็จรุดหน้าไปด้วยดี แต่ถ้าหากว่าเกิดปัญหาก็ต้องหารือกันว่าจะหาวิธีแก้ไขอย่างไรในสิ่งที่สูญเสียไปในส่วนนั้น เช่น การขนส่งตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิจนไปถึงดอนเมืองว่าจะมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร จะเอาส่วนไหนเข้ามาชดเชยได้ นี่คือสิ่งที่เป็นเรื่องที่ต้องรีบทำ แต่ยังไงก็แล้วแต่ต้องหารือกับทางผู้ประกอบการภาคเอกชนและทุกฝ่ายก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะนัดประชุมบอร์ดอีอีซีเพื่อเร่งแก้ปัญหาเลยหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะขอหารือกับทางเลขาธิการอีอีซี และผู้บริหารอีอีซีก่อนว่ามีอะไรที่ค้างอยู่ ส่วนตัวเห็นว่าในช่วงระยะเวลา 4 เดือนนี้ ที่มีความจำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนโครงการออกมาให้ได้
เมื่อถามถึงการประชุมครม.เศรษฐกิจ ที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะนัดประชุมในเดือน ต.ค.นี้ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีหลายโครงการที่เป็นโครงการเร่งด่วนที่จะต้องเสนอเข้ามาให้ที่ประชุมพิจารณา เช่น การเร่งรัดโครงการก่อสร้างบริเวณถนนพระรามที่ 2 รวมทั้งโครงการมอเตอร์เวย์นครราชสีมา โดยจะหารือกับปลัดกระทรวงคมนาคมว่าส่วนไหนที่สามารถเปิดใช้ทันปีใหม่ได้ต้องรีบเปิด แต่ถ้าส่วนไหนที่เปิดไม่ทันก็พยายามจะเร่งและเปิดให้ทันก่อนสงกรานต์ปีหน้า ทั้งนี้ เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์จะมีเพื่อนคนไทยเดินทางกลับภูมิลำเนา และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวในช่วงนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทยค่อนข้างมาก สิ่งต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกได้หรือเปิดผิวจราจรให้ได้มากสุด กระทรวงคมนาคมก็กำลังเร่งรีบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' เปิดพรรครับ 'กลุ่มรักสถาบัน' ให้กำลังใจ ปกป้องอธิปไตยไทย
'อนุทิน' เปิดพรรค รับดอกไม้-หนังสือ 'กลุ่มศปปส.' ให้กำลังใจปกป้องอธิปไตย ลั่นไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร
'อนุทิน' หัวโต๊ะ ภท. วางนโยบายหาเสียง คัดผู้สมัครรอบสุดท้าย
'อนุทิน' หัวโต๊ะ ภท. ถกวางนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง คัดผู้สมัคร สส. รอบสุดท้าย '3 แคนดิเดตนายกฯ' พยายามให้ชัดวันนี้
'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี
เสี่ยหนูรับผวาไปหมด! ถูกรุมซักเรื่องแคนดิเดตนายกฯ พรรค ภท.
'อนุทิน' รับสื่อฯถามเรื่อง แคนดิเดตนายกฯ ภท. จนผวาไปหมด รับกำลังคุยและไม่มีเซอร์ไพร์เพิ่ม จากรายชื่อที่เปิดไปแล้ว ปัดประเมินเป้า สส. เคารพเสียงประชาชน ย้ำไม่เคยมีเรื่องต่อรอง
นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอิเหนาร่วมมือปราบสแกมเมอร์
นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือเหยื่อสแกมเมอร์ชาวอินโดนีเซียกลับประเทศ พร้อมเดินหน้าร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและต่อต้านลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
'อนุทิน' ย้ำไม่ทราบเรื่องทูตจีน! ลั่นปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ไทยทำทั้ง 4 ข้อแต่เขมรแทบไม่ทำ
นายกฯ ไม่ทราบ ทูตจีนประสานเป็นตัวกลางสถานการณ์ ไทย- กัมพูชา บอก ใครจะพูด ให้ไปบอกกัมพูชา หยุดทำร้ายประเทศไทย ย้อนถามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ไทยทำหมด 4 ข้อ แต่กัมพูชาไม่เคยปฏิบัติเลย

