
30 ส.ค.2565- นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (The 12th APEC High-Level Meeting on Health and Economy : HLM12) ครั้งที่ 12 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์กับภาคี เชื่อมโยงกันกับโลก สู่สมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ” ได้เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งมีผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุมครั้งนี้คือ ข้อมติ 12 ข้อ โดยไทยยังได้รับเสียงชื่นชมจากนานาประเทศถึงการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างดีเยี่ยม
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ข้อมติ 12 ข้อ ถือเป็นผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุม ที่มุ่งสร้างสมดุลทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ สอดคล้องกับแนวคิดหลักของการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทยในโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG) โดยสาระสำคัญของ 12 ข้อมติ ครอบคลุมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ และระดับภูมิภาค และความเป็นหุ้นส่วนเพื่อพัฒนาสุขภาพและความมั่งคั่งของผู้คนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การเปิดพรมแดนเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย การแบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยีวัคซีนโควิด-19 โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภาพดิจิทัล การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบุคลากรด้านสาธารณสุข การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การเข้าถึงวัคซีน การส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีน การรักษา และการวินิจฉัยโควิด-19 ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และราคาไม่แพง ความเท่าเทียมด้านสุขภาพและจัดการกับอุปสรรคด้านสุขภาพโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงในภาคแรงงาน ธุรกิจ และผู้ประกอบการ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมจากโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มต้นของกิจกรรมทางสังคม การเรียน และธุรกิจในเขตเศรษฐกิจเอเปค การสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปผ่านการลงทุนเรื่องระบบสุขภาพ การร่วมมือกับภาคเอกชนให้มากยิ่งขึ้น และการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และครอบคลุม
“ความมั่นคงด้านสุขภาพและการเสริมสร้างระบบดูแลสุขภาพที่ดี เพื่อเตรียมพร้อมรับภัยคุกคามด้านสุขภาพอื่น ๆ ในอนาคตถือเป็นวาระที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ โดยรัฐบาลมุ่งมั่น และพร้อมร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจเอเปค พัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อต่อยอดส่งเสริมการค้า การเติบโตอย่างครอบคลุม และยั่งยืน ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อบรรลุความมั่นคงทางสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายอนุชากล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
ครม. เคาะ 3 มาตรการด้านการเงิน ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย พักเงินต้นยกดอกเบี้ย สินเชื่อสร้างอาชีพ กู้ยืมซ่อมบ้าน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โดยครม.เห็นชอบ 3 นโยบาย
ครม.อนุมัติค่าปลงศพน้ำท่วมสงขลา รายละ 2 ล้าน เคาะงบกลาง 530 ล้าน ฟื้นฟูหาดใหญ่
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการกรณีอุทกภัยที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ช่วยครัวเรือนละ 9 พันบาท หลักเกณฑ์ใหม่เยียวยาผู้อาศัยในพื้นที่น้ำล้อมรอบเกิน 7 วัน แม้ไม่ท่วมบ้าน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 เพิ่มเติมตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
เดินหน้าเจรจาภาษีสหรัฐฯ ลั่นจุดยืนรัฐบาลแยกเรื่องความมั่นคงชายแดน-การค้าออกจากกัน
โฆษกรัฐบาล เผย จุดยืนของไทยต่อสหรัฐฯ ย้ำไทยแยกการเจรจาประเด็นความมั่นคง และประเด็นทางการค้าออกจากกัน ยืนยันตามข้อเท็จจริง กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดก่อน
'โฆษกรัฐบาล' ย้ำทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ ปรามสื่อมาเลย์ให้ระวังมากขึ้น
'โฆษกรัฐบาล' ย้ำทหารไทยเหยียบ 'ทุ่นระเบิดใหม่' หลังสื่อมาเลเซียรายงานข้อมูลคลาดเคลื่อน เตือนเรื่องละเอียด่อน ขอระมัดระวังการสื่อสาร

