‘ดเวย์น จอห์นสัน’ เผยถึง ความเจ็บปวดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต

ดเวย์น ‘เดอะร็อก’ จอห์นสัน ในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์เรื่อง ‘The Smashing Machine’ ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต – Photo by Cole Burston / AFP

เขาเคยได้รับบาดเจ็บบนสังเวียน ปอดฟกช้ำ และเอ็นร้อยหวายฉีกขาด แต่ในเวลานี้สิ่งที่ ดเวย์น จอห์นสัน รู้สึกเจ็บปวดที่สุดกลับไม่ใช่บาดแผลทางร่างกายแต่อย่างใด

ดเวย์น ‘เดอะร็อก’ จอห์นสัน นักแสดงชาวอเมริกันวัย 53 ปี กำลังยุ่งเป็นพิเศษในขณะนี้ ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาเพิ่งออกฉาย ดังนั้นจอห์นสันจึงกำลังอยู่ในระหว่างเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้พบกับทีมงานจากนิวยอร์กไทมส์ มีรายงานระบุว่าทั้งสองพูดคุยกันหลายชั่วโมง และยังคงติดต่อกันแม้หลังจากที่บทสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์แล้ว ในบทสัมภาษณ์นั้นส่วนใหญ่พูดถึงหัวข้อที่หลอกหลอนจอห์นสันมาตลอดชีวิต นั่นคือ เรื่องความเจ็บปวด

ประการแรก-ปัญหาทางกายภาพ จอห์นสันเริ่มต้นอาชีพจากการเป็นนักมวยปล้ำ และกลายเป็นหนึ่งในดาวเด่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการภายใต้ชื่อ ‘เดอะร็อก’ ระหว่างทางเขาได้รับบาดเจ็บมากมาย ซึ่งรวมถึงอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า เอ็นร้อยหวายฉีกขาด และปอดฟกช้ำ แต่เมื่อนิวยอร์กไทมส์ถามถึงอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงที่สุดของเขา จอห์นสันกลับไม่ได้พูดถึงความเจ็บปวดทางร่างกายเหล่านี้เลย

“ความเจ็บปวดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้สึก คือตอนที่เราถูกไล่ออกจากฮาวาย และผมถูกส่งไปแนชวิลล์เพื่อไปอยู่กับพ่อ” ตอนนั้นจอห์นสันอายุ 15 ปี และอาศัยอยู่กับแม่ในอพาร์ตเมนต์ที่โฮโนลูลู วันหนึ่งพวกเขากลับจากช้อปปิ้งแล้วพบประกาศขับไล่แปะติดที่หน้าประตูบ้าน จอห์นสันเล่าว่าแม่ของเขาร้องไห้โฮออกมา

แม่ของเขาจึงโทร.หาพ่อของเขา ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักมวยปล้ำและอาศัยอยู่ในรัฐเทนเนสซี เขาตกลงที่จะรับลูกชายของเธอไปอยู่ด้วย แต่เมื่อจอห์นสันเดินทางไปถึงที่นั่น คนรู้จักคนหนึ่งมาต้อนรับเขาและพาเขาไปพักที่โมเต็ล ในบทสัมภาษณ์ระบุว่า ความเจ็บปวดจากการถูกไล่ออกจากบ้านยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อมาพบเจอการถูกปฏิเสธจากพ่อ และการได้รับรู้ว่าพ่อของเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น

ความจริงแล้วพ่อแม่ของจอห์นสันยังคงอยู่ด้วยกันอีกหลายปีหลังจากเหตุการณ์นั้น ก่อนที่จะหย่าร้างกัน และร็อกกี้ จอห์นสัน-พ่อของเขาเสียชีวิตในปี 2020

ดเวย์น จอห์นสัน รับบทนำในภาพยนตร์ดรามาศิลปะการต่อสู้ที่บางครั้งก็แฝงไปด้วยความโหดเรื่อง ‘The Smashing Machine’ ซึ่งเล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนยากลำบากของ ‘มาร์ก เคอร์’ นักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานชาวอเมริกัน นักวิจารณ์เขียนถึงว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่าดูและเป็นหนังดรามาที่ปลุกใจและปลดปล่อยอารมณ์ ซึ่งน่าเสียดายที่มันกลับไม่ได้สร้างกระแสใดๆ เลย.