คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว 'โอ๊ต วรวุฒิ' ขายรถ-บ้าน-ที่ดิน ต่อลมหายใจ

อดีตดาวร้ายวัยเก๋า "โอ๊ต-วรวุฒิ นิยมทรัพย์" ประกาศขายทรัพย์สินผ่านทางโซเชียล ท่ามกลางความห่วงใยจากแฟนๆละคร ถึงปัจจัยในการขายสมบัติทิ้ง ล่าสุดขอควงลูกชายคนเล็ก "น้องโอเลิฟ" มาอัปเดตชีวิต พร้อมเผยทุกมรสุมชีวิตผ่านรายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23

  "เป็นที่ดินที่ซื้อมานานแล้วครับตั้งแต่ราคาถูกๆ ซื้อมาเก็บไว้ประมาณ10ปีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเดือดร้อน สามารถติดต่อได้ทางอินบอกซ์ของผมเลย ที่ชะอำมีทั้งหมด4แปลง อยู่ใกล้ทะเลฝั่งถนนเพชรเกษม อยู่ฟากทะเล3แปลง อยู่ฝั่งภูเขา1แปลง เข้าเมืองชะอำ10นาที เข้าทะเล10นาที อีกทีนึงที่เขาใหญ่ก็ขายครับ ที่หมู่สี่ เป็นหนี้ครับ ขายเอาเงินมาใช้หนี้ อันนั้น1ไร่ เหมาะกับการทำบ้านพักตากอากาศมากๆ"

คือมันมีแต่ในเรื่องของภาระ เมื่อก่อนที่ตรงชะอำภาษีมันก็ไม่โหดขนาดนี้ พอตอนหลังในเรื่องของภาษีมันโหดมาก ก็เป็นภาระในเรื่องของการจ้างคนดูแล ไปปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้อีก เยอะมากๆ ตอนนี้ก็จะขายโรงแรมที่บุรีรัมย์ แต่ว่าในช่วงหลังมันดีมาก มันเกิดผลมาก แล้วคุยกับลูก ลูกก็ไม่อยากให้ขายเลย อยากเก็บโรงแรมที่บุรีรัมย์ไว้ เราก็เลยวางแผนทำยังที่เราจะเก็บโรงแรมไว้ได้ ที่ชะอำตรงไหนที่เราพอจะขายได้ เพื่อที่จะเอาตังค์มาใช้หนี้แบงค์ คือตอนที่ทำโรงแรมผมกู้แบงค์มาส่วนนึง เอาเงินผมด้วยส่วนนึง เงินคุณลินดา (แฟนเก่า)ส่วนนึง 3ส่วนประกอบที่ทำโรงแรมที่บุรีรัมย์ ตอนนี้ไม่ได้ขายโรงแรมแล้ว ตัดส่วนอื่นเลือกที่จะเก็บโรงแรมไว้

ก่อนหน้านี้ขายบ้านเดี่ยว ขายรถ ขายตึก ขายคอนโด ส่วนร้านอาหารริมผา ลาภินที่พัทยา จบเมื่อต้นปีครับ ขายเพราะคุณลินดาเค้าต้องไปแบ่งมรดกกัน เพราะว่าคุณแม่เค้าเสีย ก็เลยต้องขายที่เผื่อจะไปแบ่งมรดกพี่น้อง ไม่ได้ทำแล้ว รื้อทุกอย่างหมดแล้ว

ทุกวันนี้อยู่กัน3คนที่คอนโด ห้องเล็กๆอยู่กัน3คน ผมเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเต็มเวลาแบบฟลูไทม์ 100 เปอร์เซ็นต์ เลี้ยงลูกเองตอนเช้า ทำกับข้าว พาลูกไปโรงเรียน เย็นก็ไปรับกลับ เอาเข้านอน เป็นลูทีนแบบนี้ทุกวัน เลี้ยงลูกเองไม่มีพี่เลี้ยงตั้งแต่แรกเลย เป็นการตัดสินใจที่เราเลือกจะอยู่กับลูก จะอยู่กับเค้าจนโต เราอยากใกล้ชิดจนลูกจำเรา

ตัดสินใจยากมั้ยในการตัดใจขายทิ้งแต่ละอย่าง ไม่ยากครับ ผมเป็นคนทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ผมทำควบคู่กับงานในวงการบันเทิง ตั้งแต่เปิดผับ เปิดร้านอาหาร ผมก็ทำเรื่อยๆมาตลอด ส่วนมากจะขาดทุน ก็สั่งสมประสบการณ์ คือผมคิดว่าชีวิตคนเรามันเทรดขึ้นลงตลอดเวลา มันต้องเสียสละบางอย่างที่เลือกจะเอาบางอย่างไว้ ที่นี้ก็ต้องมาดูว่าเอาอะไรไว้มันจะมีประโยชน์กับครอบครัวเรา หรือมีผลต่อคนที่อยู่ในครอบครัวเรา ต้องยอมครับ ไม่งั้นเราหนัก"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมาก ปริญ' จัดเต็มสมชื่อเจ้าพ่อดราม่า ระเบิดอารมณ์ใส่ 'ตู่ ภพธร'

กำลังเข้มข้นขั้นสุดเดินเรื่องมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้ว สำหรับละครเรื่อง “ใต้เงาตะวัน” ของผู้จัด “นก-จริยา แอนโฟเน” เข้าสู่โหมดดราม่าขั้นสุด เพราะความจริงเปิดเผยออกมาแล้วว่าใครเป็นคนวางแผนการร้ายทั้งหมด และวันนี้จึงเป็นการปะทะประชันกันของสามพระนาง หมาก-ปริญ สุภารัตน์, โบว์-เมลดา สุศรี และ ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ เรียกว่าเต็มเหนี่ยวชนิดไม่มีใครยอมใคร