19 ก.ค.2567 - นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจ ฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงความแตกต่างของ ปลาหมอคางดำ กับ ปลานิล ว่า
มีเพื่อนหลายท่านอาจจะคิดว่าปลาหมอคางดำเป็นสัตว์ต่างถิ่นชนิดรุกรานร้ายแรง เพราะเป็นปลาชนิดที่กินปลากินกุ้ง
แต่จริงๆแล้ว อาหารหลักของปลาหมอคางดำก็ไม่ได้ต่างจากปลานิลมากนัก โดยปลานิลวัยเด็กนั้นก็จะกินทั้งพืชและสัตว์ชนิดเล็กๆ ก่อนจะปรับรสนิยมมากินพืชเป็นหลักในวัยโต
ส่วนปลาหมอคางดำจะกินพืชและสัตว์ตลอดชีวิต แต่สัตว์ที่เลือกกินส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์ชนิดเล็กเข่นลูกกุ้งลูกปลาและสัตว์เซลเล็กๆในธรรมชาติ
ธรรมชาติของปลานิลจะกินอาหารในเวลากลางวันคล้ายๆกับปลาทั่วๆไป ในขณะที่ปลาหมอคางดำจะมีพฤติกรรมประหลาดคือกลางวันกินบ้างแต่กลางคืนกินหนัก
ปัญหาการรุกรานหนักและรุนแรงของปลาหมอคางดำจริงๆจึงไม่ใช่การไล่กินปลากันอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นปลาที่มีอัตราการขยายสายพันธุ์รวดเร็ว พ่อและแม่ต่างช่วยกันอมไข่ลูกจึงมีอัตรารอดสูง เพิ่มจำนวนมหาศาลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และรุกรานระบบนิเวศด้วยการแย่งอาหารและถิ่นอาศัยของปลาและสัตว์น้ำชนิดอื่นๆได้ภายในเวลาที่รวดเร็ว
ที่ฟาร์มกุ้งฟาร์มปลาวินาศกันเป็นแถบๆก็เพราะอีคางดำไปที่ไหนก็เพิ่มจำนวนรวดเร็วแย่งเขากินไปทุกที่ ยิ่งกุ้งที่เป็นสัตว์กินอาหารช้า ก็จะโดนแย่งกินอาหารหมด จนถ้ากุ้งไม่อดตายก็ต้องกินกันเอง
และที่น่าสะพรึงที่สุดก็คือ ปลาหมอคางดำชอบอาศัยอยู่ในน้ำกร่อย แต่ก็ไมใช่ว่าจะอาศัยในน้ำจืด หรือชายฝั่งทะเลไม่ได้ การแพร่ระบาดรุกรานของปลาชนิดนี้จึงสามารถกระจายได้ในหลายพื้นที่และหลายแหล่งน้ำกว่าปลาชนิดอื่นๆ
คำถามที่ได้ยินบ่อยๆว่าทำไมปลานิลไม่รุกรานรุนแรงเหมือนปลาหมอคางดำ เพราะเห็นได้ชัดว่าสังคมเราอยู่ร่วมกับปลานิลมาร่วมห้าสิบปีไม่ได้มีปัญหาอะไรร้ายแรงเหมือนอยู่กับอีคางดำนี้มาแค่ไม่กี่ปี
ปัจจัยหลักๆเลยก็คือ ปลานิลที่หลุดรอดจากการทำฟาร์มเลี้ยงหรือมีคนใจบุญนำมาปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติกันนั้น
เป็นปลาเพื่อการบริโภคที่พัฒนาและควบคุมให้เจริญเติบโตเร็ว เนื้อเยอะ
ซึ่งก็จะเป็นปลาที่ผ่านกระบวนการสำคัญตั้งแต่เด็กที่ทำให้
เป็นปลาตัวผู้เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ น้อยตัวมากๆที่จะหลุดมาเป็นตัวเมีย
ที่เขาทำอย่างนั้น ก็เพราะปลานิลตัวผู้นั้นตัวใหญ่โตเร็วเนื้อเยอะกว่าปลาตัวเมียมากครับ
หวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆรู้จักปลาสองชนิดนี้มากขึ้นนะครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศ
กรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำจากการสำรวจในพื้นที่ระบาดและพื้นที่กันชนล่าสุด มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลสำรวจเดือนกันยายน 2568 พบว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัด
กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ต่อเนื่อง กทม.บูรณาการทุกภาคส่วนคุมเข้ม “ปลาหมอคางดำ”
กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย โดยใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน
เกษตรกรปากพนังพลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ใช้ปลาหมอคางดำเลี้ยงปูขาว ลดต้นทุน-สร้างรายได้ชุมชน
เกษตรกรในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มอง “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งถูกมองว่าเป็นปลาต่างถิ่นชนิดพันธุ์รุกรานในแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็น “ทรัพยากที่มีมูลค่า” ของชุมชน โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในลุ่มน้ำปากพนังมากกว่า 30 ราย ได้นำปลาหมอคางดำที่จับได้ใช้เป็นอาหารเลี้ยงปูขาว แทนการใช้ปลาทะเลสด ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรจากการเลี้ยงปู พร้อมทั้ง
ชะอำเดินหน้าแผนลดปลาหมอคางดำ ซีพีเอฟหนุนปลานักล่า เสริมโอกาสเกษตรกร
เพชรบุรีเดินหน้าบูรณาการองค์กรส่วนท้องถิ่น ชุมชนและชาวบ้านลดและกำจัดปลาหมอคางดำ ตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ จบ” จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ทุกเดือนควบคู่กับการปล่อยปลานักล่า
อัยการนนทบุรีมีคำสั่งฟ้อง "ไบโอไทย" มีมูลใช้ภาพเท็จ
วันนี้ 10 ก.ย.68 -- ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการ จังหวัดนนทบุรี ว่า อัยการจังหวัดนนทบุรีได้มีคำสั่งฟ้อง นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการ มูลนิธิชีววิถี หรือ Biothai และมูลนิธิ
ตำรวจสมุทรสงคราม ปิ๊งไอเดีย ฝึกทักษะหมัก ‘น้ำปลาหมอคางดำ’ ช่วยบำบัดคนเสพยา
สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงครามเกิดไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “ใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา” นำปลาหมอคางดำ มาใช้เป็นสื่อกลางในบำบัดและฟื้นฟูผู้เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการ ฝึกทักษะการหมักน้ำปลา เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน รวมถึงต่อยอดเป็นทักษะอาชีพที่ช่วยสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


