'อนุชา' ย้ำเป็นไปไม่ได้ เสียงข้างน้อยแข่ง 'พิธา' ชิงนายกฯ 19 ก.ค.

‘อนุชา’ ชี้เป็นไปไม่ได้ 188 เสียงข้างน้อย เสนอชิงนายกฯ 19 ก.ค. ลั่นก้าวไกลไม่ถอยแก้ 112 โหวต ‘พิธา’ ยากมาก ท่าที รทสช. รอผลประชุมวันอังคารนี้

17 ก.ค. 2566 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ ส.ส. ชัยนาท กล่าวถึงกระแสข่าวการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี แข่งกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ไม่ได้ยินกระแสข่าวดังกล่าว และคิดว่าไม่มีความเป็นไปได้เรื่องนายกฯ เสียงข้างน้อย ส่วนแนวทางของพรรค รทสช. ในการโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. นั้น ต้องขอดูก่อนว่าจะมีการเสนอใครอย่างไร เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเรื่องดังกล่าวคาดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมพรรคในวันที่ 18 ก.ค.

ส่วนกรณี ส.ว. อ้างถึงการห้ามเสนอชื่อซ้ำ จะเป็นการขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ที่ห้ามเสนอญัตติซ้ำนั้น นายอนุชา กล่าวว่า ต้องไปพูดคุยกันในสภาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยอำนาจตัดสินใจอยู่ที่สภาอยู่แล้ว ทั้งนี้ไม่สามารถบอกได้ว่านายพิธาจะเสนอชื่อได้กี่รอบ เพราะความเห็นไม่ได้อยู่ที่ตนเพียงคนเดียว

เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยควรมีบทบาทตั้งรัฐบาลแล้วหรือยัง นายนุชา ระบุว่า เขาก็ต้องไปคุยกันในเรื่องความเหมาะสมเพื่อหาทางออก

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นชื่อนายพิธาเหมือนเดิม รทสช. จะโหวตไม่เห็นด้วยเช่นเดิมหรือไม่ นายอนุชา ย้ำว่า ก็ต้องไปประชุมหารือที่พรรค เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการเปิดเผยว่าจะเสนอใครบ้าง ซึ่งจะต้องเป็นเสียงส่วนรวมของพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคก้าวไกลยังย้ำจุดยืนแก้ไขมาตรา 112 จะทำให้เดินไปยากหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า “ผมว่ายากมาก บอกเลยว่ายากมาก”

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลยื่นแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น นายอนุชา กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งมีวิธีอยู่ แต่จะผ่านแค่ไหนในอดีตก็เห็นอยู่

เมื่อถามว่า มันน่าจะยากใช่หรือไม่ นายอนุชา ย้ำว่า เดิมทีมันเป็นอย่างนั้น แต่จะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันในสภา อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลเขาคิดเขาทำ และทราบข่าวว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่รู้มาก่อนว่าจะเดินเกมอย่างนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า