
‘นิกร’ หนุนตั้ง สสร. แก้รธน. ให้ได้ฉบับประชาชน แนะก้าวข้ามความขัดแย้ง ตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ รับมี สว. เตือน ระวังถูกหลอก ขออย่าห่วงเชื่อในสัจจะ
11 ส.ค. 2566 – นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยว่า จากการที่พรรคเพื่อไทยทาบทาม ชทพ. เข้าร่วมรัฐบาล มีการเน้นย้ำนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับเรื่องนี้มายาวนาน ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งประสบความสำเร็จเรื่องรัฐธรรมนูญ ปี 40 ที่มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ส่วนเนื้อหาในรัฐธรรมนูญก็เป็นเนื้อหาที่เปลี่ยนไปตามเวลา แต่การมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน คือสาระสำคัญ ดังนั้น ที่มีการเสนอนโยบายรัฐบาลที่กำลังจะตั้งขึ้นใหม่ มีเรื่องรัฐธรรมนูญขึ้นมา เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่สำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความขัดแย้ง วิกฤติรัฐธรรมนูญเป็นปัญหามาก
โดยวิธีการแก้ คือ การมีรัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับซึ่งประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของ จะดีที่สุดคือมี สสร. ในรายละเอียดที่ ชทพ. นำเสนอ คือ อย่าแตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง และทำประชามติต่างหาก ไม่ใช่ทำประชามติโดยใช้ความเห็นแก้ทั้งฉบับแล้วทำเป็นเนียนควบหมวดหนึ่งหมวดสองอย่างนี้ไม่ได้ หลักการนี้สำคัญ ส่วนที่เหลือต้องให้แก้ได้ง่าย เพราะโลกขณะนี้หมุนเร็ว หากรัฐธรรมนูญแก้ยากจะมีปัญหา ซึ่งทีมของพรรคเพื่อไทยที่ทำเรื่องนี้ได้พูดคุยหารือกันบ้างแล้ว เราทำงานด้านนี้ร่วมกันมานานกว่า 20 ปี
“ขณะนี้มีประเด็นว่า สว. เป็นกังวลเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แบบทะลุไปตลอดซอย เรื่องนี้ผมเห็นว่าไม่น่ากังวล เพราะเราเชื่อใจกันได้ เนื่องจากเคยทำร่วมกันมาก่อน และเราใช้รัฐสภาในการตัดสิน ดังนั้น สว. ไม่ว่าจะชุดนี้หรือชุดหน้า ก็ยังสามารถระงับยับยั้งได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าตั้งขึ้นมาแล้วสภาผู้แทนราษฎรจะไปในทางเดียว และที่สำคัญคือเราให้ประชาชนเป็นคนยกร่าง ไม่ใช่ยกร่างกันเอง” นายนิกร ระบุ
ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ควรกังวล เราควรเดินไปข้างหน้า เพื่อไปเชื่อมกับการดำรงอยู่ของประชาชน หากประเทศไม่มีความขัดแย้ง ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ถือเป็นเรื่องดีที่มีรัฐบาลที่อาจเรียกได้ว่า รัฐบาลสมานฉันท์ ซึ่งสโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้ง จริงๆ แล้ว เป็นสโลแกนของพรรคชาติไทยสมัยนายบรรหาร เพื่อสร้างความปรองดอง คำเต็มๆ คือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศ ดังนั้นคุณูประการที่จะเกิดขึ้นขณะนี้ คือความขัดแย้งที่เคยมีหนักหนาสาหัสมานาน จะจบแล้ว ตนเห็นว่ารัฐบาลต่อจากนี้ น่าจะถูกที่ถูกเวลา จะได้เดินหน้าต่อไป ซึ่งก็รู้สึกยินดี
นายนิกร กล่าวว่า สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้น จากที่สัมผัสกับ สว. มาหลายคน บางคนก็เตือนว่าระวังจะถูกหลอก เรากำหนดคนอื่นไม่ได้ แต่ด้วยความที่เรามีสัจจะ เราก็ต้องเชื่อด้วยว่าคนอื่นก็มีสัจจะด้วย ถึงเวลาที่เราต้องเชื่อกันบ้าง เพราะถ้าหากเราไม่เชื่อใครเลย สุดท้ายเราก็ไม่เชื่อตัวเอง พรรคชาติไทยพัฒนาเชื่อตัวเองก่อนแล้วไปเชื่อคนอื่น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สว.สมชาย' เดือด! กกต.มีไว้ทำไม เปรียบเป็นอวัยวะส่วนเกิน
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า องค์กรอิสระบางแห่งมีหน้าที่ แต่ไม่ทำงาน เหมือนมีไส้ติ่งที่ไร้ประโยชน์ เปรียบเ
โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา 12 ธ.ค.66
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. 2566 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน มีเนื้อหาว่า
'สมชัย' บอกคนเดียวก็ร้อง ป.ป.ช.ฟัน 'เศรษฐา' ปมตั๋วผู้กำกับได้!
'สมชัย' ชี้เรื่องปมตั๋วเพื่อไทยแต่งตั้งผู้กำกับอาจเป็นเรื่องใหญ่ กระทบทั้งเก้าอี้นายกฯ และ สส. เพราะผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ชี้ช่องคนเดียวก็ร้อง ป.ป.ช.ฟันตกเก้าอี้ได้
'สว.สมชาย' ขำกลิ้ง 'อุ๊งอิ๊ง' คิดได้ไง 'หมูกระทะ' เป็นซอฟต์พาวเวอร์
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า #เลอะเทอะ คิดได้ไง Soft power หมูกระทะ 555
มติเอกฉันท์ ศาล รธน. ตีตกคำร้อง 'เรืองไกร' ปมรัฐบาลแถลงนโยบายไม่แจงที่มารายได้
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่า การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีโดยผู้ถูกร้องต่อรัฐสภา มิได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย
ตั๋วช้างหลบไป! โรมขอบี้ตั๋ว สร.1-ตั๋วเพื่อไทย
ตัวตึงก้าวไกลอีกรายมาแล้ว! โรมประกาศชัดเตรียมเช็กบิลตั๋ว สร.1 และตั๋วเพื่อไทย จี้เศรษฐาอย่าหนีการตรวจสอบและเอาความจริงมาพูด