ไม่แบ่งฝ่าย! 'สุชาติ' ประสาน 'ส.ส.เพื่อไทย' ร่วมช่วยเหลือทวงค่าจ้างให้ผู้ใช้แรงงาน

17 มี.ค.2565 - นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่มีการร้องเรียนขอความช่วยเหลือของคนงานก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ของบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน ในพื้นที่อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ไม่ได้รับค่าจ้างค้างจ่ายนั้น ในเรื่องนี้ตนได้มีการประสานกับท่านสมคิด เชื้อคง ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เพื่อยื่นมือเข้าช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ลูกจ้างทั้ง 173 คน ได้รับค่าจ้างค้างจ่ายโดยเร็วที่สุด ซึ่งถือเป็นการทำงานการเมืองร่วมกันเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงไม่เกี่ยวกับว่าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล นี่คือสิ่งที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีดำริว่า "เป็นนักการเมืองเป้าหมายคือประชาชน" ไม่ใช่การเอาชนะทางการเมือง เพราะถ้ามัวแต่เอาชนะเอาเปรียบทางการเมือง ประชาชนก็จะไม่มีทางได้รับการแก้ไขปัญหา ซึ่งท่าน สส.สมคิด เป็นตัวอย่างของนักการเมืองที่ดี

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ตนยังได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดศรีษะเกษทั้ง 5 หน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การติดตามช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานตามภารกิจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า การก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ของบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชนได้จ้างเหมาให้ผู้รับเหมา รายที่ 1 คือ บริษัท เกษตรพันธ์อุตสาหกรรม จำกัด (KPI) และบริษัท KPI ผู้รับสัญญาไปจ้างเหมา บริษัท สติลฟอร์มเมอร์ จำกัด ผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างตามสัญญาโดยจ้างเป็นลักษณะเหมาตามเนื้องาน บริษัท สติลฟอร์เมอร์ จำกัด ได้ไปว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อย ได้แก่ นายบรรจง ป้อมเชียงพิน มีภูมิลำเนาเดิมจังหวัดอุดรธานี และนายเฉลิมชัย พันธุยา มีภูมิลำเนาเดิมจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนายบรรจงและนายเฉลิมชัยได้รับเงินตามที่ตกลงจ้างจากบริษัท สติลฟอร์มเมอร์ จำกัด แต่ประสบปัญหาทางการเงินไม่นำไปจ่ายให้กับลูกจ้าง มียอดเงินค่าจ้างและค่าล่วงเวลาค้างจ่าย จำนวน 651,516 บาท

และเมื่อวันที่ 14 และ 16 มีนาคม 2565 พนักงานตรวจแรงงานได้รับคำร้องจากลูกจ้างแล้วจำนวน 91 คน เป็นเงิน 306,222.63 บาท และเจรจาให้บริษัท ซีพีเอฟ ฯ บริษัท KPI และบริษัท สติลฟอร์เมอร์ ฯ ร่วมกันรับผิดชอบจ่ายค่าจ้างและค่าทำงานล่วงเวลาที่ค้างจ่ายให้กับลูกจ้างทั้งหมด โดยทั้ง 3 บริษัท และพนักงานตรวจแรงงานนัดประชุมหารือกันเพื่อดำเนินการให้ถูกตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานภายในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคมที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานยังได้ร่วมเข้าให้บริการช่วยเหลือลูกจ้าง ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานว่างในพื้นที่ 40 ตำแหน่ง 1,000 อัตรา และจัดตั้งกลุ่มไลน์ผู้ต้องการสมัครงานใหม่ การแจ้งสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างกลุ่มที่มายื่นคำร้อง ถ้าเป็นผู้ประกันตน ม.33 ให้สามารถขึ้นทะเบียนว่างงานเพื่อรับความช่วยเหลือ รวมทั้งประชาสัมพันธ์การฝึกทักษะอาชีพเพิ่มเติม การประกอบอาชีพอิสระอีกด้วย